บล.กรุงศรีฯ: 

KSS Strategist Comment : Yield Curved Update ณ เวลา 14.20น. Thai Bond Yields ปรับลงในอัตราเร่ง อายุ 1ปี อยู่ที่ 1.51% เช่นเดียวกับ  อายุ 5 ปี – 3bps มาที่ 1.51%  อายุ 10 ปี -7 bps ที่ 1.67%  ปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้สัญญาณอย่างไร?

Facts : 

  Thai Bond Yields ปรับลงในอัตราเร่ง ตัวสั้น อายุ 1ปี อยู่ที่ 1.51% 

  เช่นเดียวกับ ตัวกลาง  อายุ 5 ปี – 3bps มาที่ 1.51%  

  ส่วนตัวยาว อายุ 10 ปี -7 bps ที่ 1.67%  

KSS Macro Views : 

1. Global Policy Shock จาก Trump 2.0 สร้าง Downside Risk แรงกว่า

  นโยบาย “Reciprocal Tariff” และแนวโน้มสงครามการค้าเต็มรูปแบบ จะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) ของเอเชียรุนแรงกว่าในรอบก่อน

  ความเสี่ยงต่อการ “Dislocation” ของ FDI และการตอบโต้ทางการค้าทำให้ธนาคารกลางในเอเชียต้อง “Pre-emptively Cut” (ลดดอกเบี้ยเชิงรุก)

2. เงินเฟ้อในเอเชีย “ไม่ดื้อ” แบบสหรัฐฯ

  CPI ในหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไทย จีน อินโดฯ อยู่ต่ำกว่าเป้า หรือกลับเข้าสู่กรอบล่างของเป้าหมายแล้ว

  ธนาคารกลางมี policy space สำหรับผ่อนคลายมากกว่า เพราะเงินเฟ้อต่ำ Real Yield เป็นบวกสูง

3. จีนกำลังผ่อนคลายมากขึ้น และ Spillover ไปยังภูมิภาค

  จีนเริ่มเข้าสู่ช่วงของการ “ผ่อนคลายโครงสร้าง” (Structural Easing) ผ่านการลด RRR และปล่อยสินเชื่อพุ่ง (แม้ M2 ยังต่ำ)

  จะสร้างแรงกดดันให้เพื่อนบ้านต้องลดดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เงินทุนไหลเข้าเฉพาะจีน

4. วงจรนี้ต่างจากรอบ 2017–2019 (TRUMP 1.0 ) ตอนนั้น Fed ขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ EM Asia ต้องระวังทุนไหลออก แต่รอบนี้ Fed ปิดประตูขึ้นดอกเบี้ย แต่อาจจะลดเบี้ยช้าเพราะรอประเมินเงินเฟ้อ ขณะที่เอเชียลดไวได้ เพราะ…

  Current Account แข็งแกร่ง

  เงินทุนต่างชาติมองเอเชียเป็น “Safe Haven ใน Emerging Markets”

  ไม่มี “Taper Tantrum Risk” แบบปี 2013 หรือ Fed Hiking Cycle แบบปี 2018

5. เศรษฐกิจในเอเชียยังไม่ฟื้นเต็มที่จาก COVID + Global Trade Cycle อ่อนแรง

  ทำให้จำเป็นต้องใช้ดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ

  ตัวอย่าง: ไทย GDP ยังต่ำกว่าศักยภาพ (Output Gap ติดลบ), อินโดฯ ยังเน้น domestic-led growth

ปัจจัยดังกล่าว ผสาน Yield Curved ในตลาด สะท้อนภาพนักลงทุนต่างชาติและไทย ประเมินวงจรดอกเบี้ยขาลง ในเอเชียและไทยเร่งตัว และสะท้อนตลาดมองว่า การประชุมกนง 25 มิย มีโอกาสกว่า 90% ที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยลงอีก ราว 25 bps

Strategy : KSS มองบวกต่อวงจรดอกเบี้ยขาลงที่จะเร่งตัว จนถึงจุด New Capex Cycle ในเอเชีย และไทย หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยลง อาทิ 

Phase 1 : กลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์โดยตรง

  กลุ่ม Eco System of Infra Tech รับกระแส FDI กำลังไหลเข้าไทยในฐานะ DCs Hub of SEA อีกทั้งมี Cash Flow ระยะยาวแข็งแกร่ง คือ โรงไฟฟ้า (GULF, GPSC) , กลุ่ม ICT (ADVANC, TRUE)

  กลุ่ม Consumer Finance / Leasing จะมี Margin กว้างขึ้นจากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง : MTC(คุณภาพสินทรัพย์ดีกว่ากลุ่ม จะหนุนการเร่งปล่อยสินเชื่อ), SAWAD(กรณีเศรษฐกิจทรุดตัวจากตลาดคาดไม่มาก จะกลับตัวไวจาก การฟื้นตัวของธุรกิจ) 

  กลุ่มหนี้สูง แต่ Cash Flow แข็งแกร่ง จะช่วยลดดอกเบี้ยจ่าย CPALL, BJC

Phase 2 : ที่จะได้ประโยชน์จาก Demand ฟื้น ในระยะ 6เดือนหลังดอกเบี้ยขาลงมีผล และความเชื่อมั่นฟื้น 

  Consumer / Retail : ผู้บริโภคเริ่มใช้จ่าย, Demand recovery : CPALL, CPAXT, BJC

  Banks (selective): NPL ลด, ปล่อยกู้เริ่มกลับมา, Credit cycle ฟื้น เน้น KBANK, KTB, BBL 

  Logistics / Transport: Volume กลับมา พร้อม Margin ขยาย เน้น WICE

Phase 3: New Capex Cycle เริ่มต้น: บจ. กลับมาลงทุน-ขยายฐานผลิต

  Industrial Estate / Infra : Demand โรงงาน-คลังสินค้าใหม่ เน้น AMATA, WHA, STECON

  Technology Hardware / Semiconductor supply chain : HANA, ADVICE

  Selective Commodity / Packaging: รองรับ Global Capex + China Re-shoring : PTTGC, SCC, SCGP, IVL

- Advertisement -