บล.ฟิลลิป:

TOURISM SECTOR คาดปี 68 ต่างชาติเดินทางเข้าไทย 35 ล้านคน

จีนเที่ยวไทยหายไปชั่วคราวหรือถาวร

จากสถิติการเดินทางไปต่างประเทศของชาวจีนที่ผ่านมา (Figure 1) พบว่าในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 68 ชาวจีนเดินทางไปเวียดนามและญี่ปุ่นมากขึ้น ขณะที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยน้อยลง คาดมาจากปัจจัยลบในเรื่องภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยของไทย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การลักพาตัวชาวจีน การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ต่างชาติ การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน การก่อวินาศกรรมในสุไหงโกลก และเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทย ส่งผลให้กระทบ Sentiment นักท่องเที่ยวจีนหายไป นอกจากนี้ในปัจจุบันชาวจีนนิยมท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลจีนอย่างเข้มข้น

จีนจ่อออก ‘วีซ่าอาเซียน’

รายงานจากสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 68 นายหลินเจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวในการแถลงข่าวว่าจีนเตรียมออก ‘วีซ่าอาเซียน’ ให้กับ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน และติมอร์-เลสเต ซึ่งมีสถานะเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์อาเซียน โดยนายหลินกล่าวว่าจีนจะออกวีซ่าอาเซียนให้กับบุคลากรทางธุรกิจที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดจาก 11 ประเทศข้างต้น ซึ่งจะเอื้อให้สามารถเดินทางเข้าจีนได้หลายครั้งภายใน 5 ปี และพำนักได้ไม่เกิน 180 วัน สำหรับการออกวีซ่าอาเซียนครั้งนี้สานต่อจากข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกันอย่างครอบคลุมกับสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ รวมถึงสานต่อจากการออก ‘วีซ่าล้านช้าง-แม่โขง’ ให้กับประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยมุ่งอำนวยความสะดวกการเดินทางข้ามพรมแดนของผู้คนภายในภูมิภาคมากขึ้น สำหรับทางฝ่ายมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว รับปัจจัยบวกจากการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น

S&P Global Ratings มองท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings (S&P) รายงานการวิเคราะห์อันดับความน่าเชื่อถือของไทย โดยคงอันดับความน่าเชื่อถือ (Sovereign Credit Rating) ที่ระดับ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ส่วนหนึ่งหนุนจากมุมมองเชิงบวกภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีข้างหน้า หนุนจากมาตรการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวที่ภาครัฐกำลังดำเนินการอยู่ เช่น การขยายเวลาการให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา จะยังคงช่วยสนับสนุนจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยให้แข็งแกร่งในช่วงไตรมาสถัดไป นอกจากนี้ S&P มองว่า รัฐบาลไทยจะยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยคาดว่าการลงทุนของรัฐวิสาหกิจและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnerships: PPP) จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และการลงทุนในโครงการเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะต่อไป

- Advertisement -