ไทยเตรียมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ มองบวกกับนิคมอุตสาหกรรม
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 443 จุด (+1%) ได้แรงหนุนจากการจ้างงานที่รายงานออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ช่วยคลายความกังวลเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.7% แรงหนุนจากอุปสงค์ในสหรัฐฯ จากการจ้างงาน
Market Outlook
คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 1.39 แสนราย มากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.26 แสนราย แต่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.2% สอดคล้องกับที่ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่รายงานดีกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนคลายกังวลกับเศรษฐกิจ และเร่งการปรับขึ้นของ US Bond Yield พร้อมกับการแข็งค่าของ Dollar Index ทองคำปรับลง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัว เพราะคลายกังวลปัจจัยเศรษฐกิจ นำมาโดยกลุ่มพลังงาน (+2%)
มองเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยระยะสั้นๆ ในช่วงต้นสัปดาห์ สัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบไปด้วย
(1) เงินเฟ้อ (CPI) ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.5%YoY
(2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในคืนวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.6%YoY
ส่วนปัจจัยในประเทศ ล่าสุดมีรายงานว่าไทยกับสหรัฐฯ เตรียมเจรจาการค้า โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระบุว่าฝ่ายสหรัฐฯ ยินดีสนับสนุนเอกอัครราชทูตไทยในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการนัดหมายวันเริ่มต้นเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ โดยฝั่งไทยจะส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปเป็นหัวหน้าคณะเจรจา
ระยะสั้นปัจจัยข้างต้นจะเข้ามาเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และมองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มส่งออก (ITC, TU) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA, WHA) แต่อย่างไรก็ตามมองเป็นเพียงปัจจัยหนุนระยะสั้น มากกว่าจะเปลี่ยนแนวโน้มตลาดหุ้น เชื่อว่าการหายไปของจำนวนนักท่องเที่ยวมีผลมากกว่า เจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับไทยเป็นเพียงตัวจำกัด Downside แต่ไม่มีผลกับ Upside อย่างมีนัยยะในเชิงเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้วันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน พ.ค. (-0.57%YoY) ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด ตามอุปทานที่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น พร้อมกับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานจากค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเบนซิน ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก
สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1120 – 1160 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจ Trading ระยะสั้นในหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเจรจาการค้า อาทิ ส่งออก (ITC, TU), นิคมอุตสาหกรรม (AMATA, WHA) ส่วนกลุ่มอื่นๆ เน้นที่กำไรไม่ผันผวนมากนักกับภาวะเศรษฐกิจ (BDMS, BBL, KBANK, KTB, SCB) รวมไปถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว (OSP, CBG, MINT)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท)
ยอดขายที่ดินช่วง 1Q25 มีจำนวน 284 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% ของเป้ายอดขายใหม่ของ AMATA ที่ 3,500 ไร่ (ไทย 2,500 ไร่ เวียดนาม 500 ไร่ และลาว 500 ไร่) แม้ว่าทาง AMATA จะแจ้งว่าช่วง 1Q25 เป็นปกติที่ยอดขายยังไม่มาก แต่ด้วยภาพรวมสงครามการค้าที่ ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้มีความเสี่ยงที่ยอดขายจะไปไม่ถึงระดับดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลกระทบจะเห็นในปี 2026 เป็นต้นไป เนื่องจาก ณ สิ้น 1Q25 ยังมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้อีกกว่า 21,000 ล้านบาท (ไทย 19,679 ล้านบาท และเวียดนามอีก 1,812 ล้านบาท)
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
แนวโน้มช่วงที่เหลือของปี คาดรายได้ยังเติบโตได้จากการเปิดศูนย์ใหม่ในช่วง 2H25 และมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐที่จะเริ่มในช่วง 2Q25 นี้ โดยรวมเรายังมองว่าธุรกิจของ CPN ยังคงเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องจากการเปิดศูนย์ใหม่ที่มีความชัดเจนจนถึงปี 2027 แล้ว