Daily Focus: อิสราเอลเริ่มโจมตีอิหร่าน กดดันสินทรัพย์เสี่ยง

2025 SET Target : 1180

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงเช้าโดยปรับตัวลงเล็กน้อย ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายกดดันให้ดัชนีปิดลบลึกถึง 12.96 จุด ที่ระดับ 1,128.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.2 หมื่นลบ. ถ่วงโดยแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย DELTA, ADVANC, กลุ่มธนาคาร, ไฟแนนซ์ เป็นต้น โดยตลาดลดความร้อนแรงหลังจากตอบรับข่าวการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนไปแล้ว ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังคงไม่แน่นอน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 809 ลบ. และ 731 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Short Index Futures สุทธิ 3.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีแนวโน้มปรับย่อตัวลงทดสอบแนวรับ 1,120 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบหลังอิสราเอลได้ทำการโจมตีเชิงป้องกันต่ออิหร่านเช้านี้ ซึ่งบดบังประเด็นหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯ เดือน พ.ค. ที่ต่ำกว่าคาดและความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การโจมตีของอิสราเอลทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย รวมถึงน้ำมันดิบซึ่งล่าสุด WTI พุ่งขึ้นแตะระดับ US$71-72 ต่อบาร์เรล ซึ่งอาจสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกในแง่ Cost-Push Inflation ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวจากภาษีการค้าสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป แม้ล่าสุดตัวเลข PPI สหรัฐฯ เดือน พ.ค. จะออกมาต่ำเพียง +0.1% m-m ซึ่งทำให้ตลาดคาด FED จะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ด้วยความน่าจะเป็นที่เพิ่มขึ้นเป็น 80%

นอกจากนี้ ปัจจัยในประเทศยังเป็นตัวจำกัด Upside ในระยะสั้น โดยต้องติดตามพัฒนาการการเมืองในประเทศทั้งประเด็นการปรับ ครม. ที่อาจเห็นความชัดเจนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า รวมถึงประเด็นชั้น 14 ของคุณทักษิณ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนลบ. ว่าจะมีการจัดสรรและปล่อยออกมาอย่างไร ซึ่งปัจจุบันยังค่อนข้างล่าช้า ทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจที่แผ่วใน 2Q25 และอาจต่อเนื่องใน 3Q25 ยังเป็นปัจจัยกดดัน ระยะสั้นมองกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำจะหนุนตลาด รวมถึง Defensive Play ท่ามกลางความเสี่ยงและไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

กลยุทธ์ : ยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่งและมีความแน่นอนของกำไรสูง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON

FSSIA Portfolio : BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 13 มิ.ย. 25 : PTTEP

– แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA consensus 128.26 บาท

– ระยะสั้นคาด PTTEP จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด หลังราคาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด WTI ทะลุ US$70 ต่อบาร์เรล หลังอิสราเอลเริ่มโจมตีเชิงป้องกันล่วงหน้าต่ออิหร่าน 

– Consensus ประเมินกำไรปี 2025 ของ PTTEP เฉลี่ยที่ 5.8 หมื่นลบ. ซึ่งอาจมี Upside หากราคาน้ำมันดิบยืนสูงต่อเนื่อง ขณะที่ Dividend Yield ยังสูงเกือบ 8% 

– แนวรับ 104-103//100 บาท แนวต้าน 110//115 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิอีก US$444 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$307 ล้าน ตามด้วยไต้หวัน US$177 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังคงไหลออกนำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$17-23 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหรือมีโอกาสพลิกมาไหลออก หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสูง เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและปลอดภัย รวมถึงน้ำมัน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือน พ.ค. ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ลดลงเหลือ 54.2 จากเดือนก่อนที่ 55.4 โดยเป็นการลดลงเดือนที่ 4 ติดต่อกันหลังจากทำจุดสูงสุดในเดือน ม.ค. ภาพรวมยังเป็นสัญญาณลบและสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวใน 2Q25 เราเชื่อว่าแนวโน้มเดือน มิ.ย. จะยังอยู่ในระดับต่ำจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และขาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ 3Q25 จะยังคงเป็น Low Season ต่อเนื่อง รวมถึงคาดเริ่มเห็นผลกระทบจากนโยบายภาษีการค้าสหรัฐฯ โดยต้องติดตามว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช่วงพยุงให้ดัชนีเริ่มทรงถึงฟื้นเล็กน้อยได้หรือไม่ ก่อนเข้า High Season ของการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายใน 4Q25

(-) HMPRO SSSG เดือน เม.ย. – มิ.ย. 2025 ติดลบ 10% y-y, MegaHome -3.5% y-y ขณะที่ช่วง 1-11 มิ.ย. ดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ -5% y-y, +2-3% y-y ตามลำดับ คาดมาจากผลของฝนตกที่น้อยลง y-y แต่เราประเมิน 2Q25 น่าจะยังลบราว mid-to-high single จากแนวโน้ม Sales ที่คาดว่าลดลง y-y เบื้องต้นคาดกำไร 2Q25 ที่ราว 1.52-1.54 พันลบ. ลดลงราว 5-6% y-y ภาพรวมทำให้กำไรปี 2025 คาดลดลงเล็กน้อย 2-3% y-y ซึ่งจะทำให้กำไรตลาดมี downside ราว 3-5% ระยะสั้นราคาหุ้นน่าจะยังโดนแรงกดดันทั้งกำไรปีนี้ที่จะมี downside และ valuation ที่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

(0) MAGURO คาดกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 32 ลบ. ทรงตัว q-q, +148% y-y ต่ำกว่าที่เคยคาดว่าจะโต q-q เพราะคาดมีค่าใช้จ่ายงานเลี้ยงประจำปีเข้ามาราว 3 ลบ. คาด SSSG 2Q25 จะติดลบราว -9% y-y โดยติดลบมากขึ้นในเดือน มิ.ย. หลังเกิดสงครามชาบู (กระทบ Hitori) แต่ด้วยผลการเปิดสาขาใหม่เป็น 44 สาขา เพิ่มขึ้น 16 สาขาจาก 2Q24 น่าจะชดเชยสาขาปัจจุบันเดิมที่อ่อนแอได้ จึงคาดรายได้และกำไรยังโตดี y-y บริษัทเตรียมเปิด 2 แบรนด์ใหม่ใน 3Q25 เพื่อกระตุ้นรายได้ใน 2H25 แม้ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารจะอ่อนแอ แต่ MAGURO น่าจะมีกำไรปี 2025 เติบโตดีสุดในกลุ่มได้ เราคาดโต +36% y-y และคงเป้า 24.50 บาท

(0) คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25

    • SET50 หุ้นเข้า: TCAP, BCP, KKP
    • หุ้นออก: GLOBAL, BGRIM, ITC
    • SET100 หุ้นเข้า: MBK, TFG, JTS, AURA, TOA, TVO, SVI
    • หุ้นออก: COCOCO, ERW, JMART, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP
    • โดย ตลท. จะประกาศผลอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของเดือน มิ.ย.

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 101.85 จุด หรือ +0.24%, ปิดที่ 42,967.62 จุด หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทออราเคิล (Oracle)

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เนื่องจากความหวังด้านการค้าโลกลดลง ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง

(-) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ หลังความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลมีท่าทีรุนแรงขึ้น

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.70%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 68.04 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 4% ในวันพุธ อันเนื่องมาจากความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันด้านอุปทาน ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 68.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.69%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 58.70 ดอลลาร์ หรือ 1.76% ปิดที่ 3,402.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,411.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.27%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 937.91 / +0.40%

 

- Advertisement -