HFT สุดแจ่ม! ผลงาน Q2/68 สัญญาณดี กอดออเดอร์แน่น-ชูจุดแข็งคุณภาพดีสู้ยางจีนได้ หนุนรายได้ปี 68 เติบโตเข้าเป้า 10%
บมจ. ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) (HFT) ชูจุดแข็งคุณภาพและความเชี่ยวชาญสู้สงครามราคากับผู้ผลิตยางจีนในตลาดฟิลิปปินส์ มั่นใจรักษาฐานลูกค้าและมาร์เก็ตแชร์อย่างแข็งแกร่ง ฟากผู้บริหาร “จวง จื้อ เหยา” ระบุตุนคำสั่งซื้อจากทั้งในประเทศและต่างประเทศแน่นถึงไตรมาส 3/68 เร่งหารือลูกค้าวางแผนรับมือภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกชะลอตัว เดินหน้าลดต้นทุนค่าไฟฟ้าด้วยโซลาร์รูฟ สนับสนุนเป้าหมาย ESG ย้ำรายได้ปี 68 เติบโต 5-10% ตามเป้าหมาย
นายจวง จื้อ เหยา Vice President บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (HFT) ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในสำหรับรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ และรถขนส่งขนาดเล็ก เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเผชิญกับช่วงสภาวะเศรษฐกิจและการส่งออกที่ชะลอตัว แต่บริษัทฯ ยังคงได้รับคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีออเดอร์ถึงไตรมาส 3/2568 แล้ว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าและความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์
อีกทั้งยังมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร
สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทฯ อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การแข่งขันในตลาดฟิลิปปินส์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจากผู้ผลิตรายใหม่จากประเทศจีนที่เริ่มเข้ามารุกตลาดในภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งทางการตลาดและระดับราคาขายสินค้าในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าและความเชี่ยวชาญในการผลิตยางรถจักรยานยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม รวมถึงการให้บริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างความแตกต่างและรักษาความเชื่อมั่นจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ ทั้งนี้ประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่น่าจะส่งผลกระทบยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ โดยยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 จะเติบโต 5–10%
“แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและตัวเลขการส่งออกโดยรวมจะชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในลักษณะ OEM ซึ่งมักมีการกำหนดสเปกสินค้าไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่งผลให้คำสั่งซื้อยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้มีการหารือร่วมกับลูกค้าเพื่อหาแนวทางรับมือสำหรับสถานการณ์ดังกล่าว และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณผลกระทบในเชิงลบจากลูกค้าแต่อย่างใด” นายจวง จื้อ เหยา กล่าว
อนึ่ง ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 708.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.98% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 687.60 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นจากกำลังซื้อยางนอก-ยางในรถจักรยานกลุ่มลูกค้ายุโรปเพิ่มขึ้น