บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Beverage Sector ช่วงเวลาที่แย่ ใครจะได้ส่วนแบ่งเพิ่ม…? (Neutral Reinitiate)
Event
แนวโน้มกลุ่มเครื่องดื่มท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และการแข่งขันที่เข้มข้น
Impact
เครื่องดื่มชูกำลังอยู่ในช่วงอิ่มตัว; ตลาดต่างประเทศที่โตเด่นและ margin ที่แข็งแกร่งดีต่อ OSP
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของประเทศไทยอยู่ในช่วงอิ่มตัว ท่ามกลางการเติบโตของ GDP ที่ชะลอตัว, โครงสร้างประชากรวัยแรงงานที่ลดลง, และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปหาทางเลือกอื่น ๆ อย่างกาแฟพร้อมดื่ม (Figure 13) โดยที่การเติบโตในอนาคตขึ้นอยู่กับการขยายตัวในตลาดต่างประเทศ ซึ่ง Osotspa (OSP.BK/OSP TB)* มีสถานะเหนือกว่า Carabao Group (CBG.BK/CBG TB)* ทั้งในด้านขนาดและ margin สำหรับในปี 2568 การทำสงครามราคาครั้งใหม่ของ OSP อาจช่วยให้กลับมาครองส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น แม้ว่าราคาขายเฉลี่ย (ASP) จะลดลงก็ตาม ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มีความเสี่ยงสูงแต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน
ในขณะที่ปริมาณการขายของ CBG ที่เพิ่มขึ้นไม่น่าจะทำให้รายได้เพิ่มตามอย่างมีนัยสำคัญในโมเมนตัมเดียวกัน จากการเน้นราคาขายต่อเนื่องเพื่อดันปริมาณยอดขายขึ้น ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ต่ำเหมือนในอดีต
มองมุมต่าง – อะไรที่ตลาดอาจจะคิดผิด…?
เราเชื่อว่าตลาดได้สะท้อนราคาการเปิดตัว M-150 ฝาเหลืองราคา 10 บาทของ OSP ไปมากแล้ว เห็นได้จากราคาหุ้น OSP และ CBG ร่วงลงแรงช่วง YTD แต่อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในกรณีแย่สุดที่กระทิงแดงหรือ CBG อาจลดราคาตอบโต้ยังไม่ได้ถูกสะท้อนเต็มที่ ซึ่งอาจจุดชนวนสงครามราคารอบใหม่และกดดันมูลค่าหุ้นอย่างมาก
จากการสำรวจภาคสนามของเรา ความเสี่ยงการแย่งยอดขายอาจไม่แรงอย่างที่กังวล โดยบางร้านโชห่วยขายคาราบาวเกินราคาปลีกแนะนำที่ 11 บาท และสินค้า 10 บาทของ OSP ยังไม่ได้กระจายกว้าง กรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าสินค้า SKU ราคา 10 บาทอาจเป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ (tactical move) โดยไม่ใช่ SKU หลักที่จะใช้ดันรายได้ให้สูงขึ้น ซึ่งชี้ว่าตลาดอาจประเมิน downside ของ margin ไว้สูงเกินไป
อัตรากำไรของ OSP ช่วยดันการเติบโตได้เหนือกว่าของ CBG
เราคาดว่ากำไรหลักของ OSP ปี 2568F–2570F จะเติบโต 8% / 5% / 5% YoY ซึ่งสูงกว่า consensus อยู่ราว 3–6% หนุนจากสมมติฐาน margins ที่แข็งแกร่งขึ้นจากการขยายตลาดเครื่องดื่มในต่างประเทศกับผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และการลดต้นทุนภายในต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วยดันให้ ROE แข็งแกร่งอยู่ที่ 22% / 20% / 21% ตามลำดับ
ส่วนทางด้าน CBG เราคาดกำไรหลักปี 2568F–2570F เพิ่มขึ้น 8% / 10% / 5% YoY แต่ยังต่ำกว่า consensus อยู่ราว 3–7% ตามสมมติฐาน margin ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศลดลง และสัดส่วนที่มากขึ้นของธุรกิจรับจ้างกระจายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกซึ่งมี margin ต่ำ ส่งผลลบต่อความสามารถในการทำกำไร โดย ROE จะค่อย ๆ ลงเหลือ 22% / 21% / 20%
Valuation and action
เราให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มเครื่องดื่ม “เท่ากับตลาดฯ” เพราะมองว่าการแข่งขันเข้มข้นขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง และสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ valuation ซื้อขายอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต -1.5 ถึง -2 S.D
โดยที่เราเริ่มให้คำแนะนำ “ซื้อ” OSP ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท (อิงจาก PE ที่ 16x, -2 S.D) หนุนจาก margin ที่แข็งแกร่งขึ้น, risk/reward น่าสนใจ, dividend yield สูงราว 7%
ส่วน CBG เราให้คำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 52.00 บาท (อิงจาก PE 17x, -1.5 S.D) ซึ่งสะท้อนว่าตลาดอาจมีการ downgrade กำไร, valuation ที่ค่อนข้างแพง, margin ถูกบีบ และความเสี่ยงในกัมพูชาที่ยังค้างคา
Risks
การแข่งขันเข้มข้น, เศรษฐกิจชะลอตัว, พฤติกรรมผู้บริโภค และต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป