เน้นที่กลุ่มพลังงาน คืนนี้รอติดตามประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 299 จุด (-0.7%) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเนื่องจากการสู้รบระหว่าง อิสราเอลกับอิหร่านเข้าสู่วันที่ 5 ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 4.4% เนื่องจาก นักลงทุนกังวลว่าการสู้รบจะกดดันอุปทาน
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีกพบว่าหดตัว -0.9%MoM แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ว่าจะหดตัวเพียง -0.5%MoM แต่หากไม่รวมสินค้าเกี่ยวข้องกับยานยนต์จะพบว่าหดตัว -0.3%MoM เท่ากับว่าแรงกดดันมากจากสินค้าเกี่ยวกับของยานยนต์ โดยส่วนดังกล่าว -3.5%MoM รวมไปถึงวัสดุก่อสร้างและสวน (-2.7%MoM) สถานีน้ำมัน (-2%MoM) โดยรวมสะท้อนถึงกิจกรรมบริโภคที่ชะลอลงประกอบกับสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังมีรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้เคลื่อนฝูงบินขับใส่เข้าไปยังตะวันออกกลางและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้เตือนประชาชนในกรุงเตหะรานเร่งอพยพ โดยรวมทำให้เม็ดเงินกลับเข้าไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยสะท้อนผ่านการปรับลงของ US Bond Yield และทองคำปรับขึ้นเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นปรับฐานสอดคล้องกับฝั่ง EU เช่นกัน คืนนี้นักลงทุนจะหันไปให้น้ำหนักกับประชุม FED ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 97% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยระดับเดิมและเชื่อว่าจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน กันยายน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ดอกเบี้ยคืนนี้มีผลจำกัด แต่นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับ ถ้อยแถลงและทิศทางดอกเบี้ย โดยคืนนี้ที่ประชุมจะรายงาน Dot Plot และประมาณการเศรษฐกิจ ในมุมมองเราคือ FED อาจไม่ถึงกับส่งสัญญาณผ่อนคลายมากนัก ด้วยระดับเงินเฟ้อที่ยังมีความน่ากังวลจากน้ำมันปรับขึ้นและภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็ยังเป็นอีก ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยง เงินเฟ้อในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังไม่ถึงกับชะลอตัวหนักอย่างมินัยยะ มองเป็นกลางๆ ต่อการลงทุน ดานปัจจัยในประเทศมีรายงานว่าไทยจะเตรียมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ภายในสัปดาห์นี้ผ่านทาง Online และครั้งหน้าก็จะเตรียมไปเจรจากับเผชิญหน้ากันและวันนี้จะมีการประชุมบอร์ดเศรษฐกิจสำหรับวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท เบื้องต้นมีรายงานว่ากระทรวงคมนาคมขอรับจัดสรรราว 4 หมื่นล้านบาทมองบวกกับหุ้นรับเหมาก่อสร้าง นอกจากนี้แล้วยังมีอีกโครงการได้แก่กระตุ้นการ ท่องเที่ยว (เที่ยวไทยคนละครึ่ง) ปัจจุบันได้เปิดให้ผู้ประกอบการทยอยลงทะเบียนและ สัปดาห์หน้าจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน หากไม่มีปัญหาใดๆ คาดว่าโครงการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. มองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มโรงแรมและค้าปลีก
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1105 – 1120 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกเป็นรายตัวในหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อาทิ น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP TOP) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเจรจาการค้าอย่างนิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA) ส่งออก (ITC TU)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดการณ์รายได้ปี 2025 ที่เติบโตในอัตราลดลง (-2%) โดยใน 1Q25 ประกาศกำไรสุทธิที่ 4.3 พันล้านบาท (+ 7% YoY) ทรงตัวจากใตรมาสก่อน หนุนจาก 1) รายได้รับรู้จากโรงพยาบาลและเตียงผู้ป่วยใหม่ และ 2) การเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันออกกลาง (+22% Yor) และ CLMV (+11% YoY) ขณะที่ใน 2025 เรามองว่าผลประกอบการจะเติบโต YoY แม้อ่อนตัว QoQ จาก 1) ปัจจัยฤดูกาล และ 2) จำนวนผู้ป่วย ต่างชาติชะลอตัวในเดือนเมษายน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้นจากเหตุแผ่นดินไหว ทั้งนี้ เราคาดสามารถชดเชยจากการฟื้นตัวในเดือนพฤษภาคม (+6% YoY)
AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท)
ผลประกอบการในปี 25 ของ AMATA ยังมีโอกาสเติบโตจากปีก่อนได้ จากผลดีของ Backlog ที่อยู่ในระดับสูงทำให้เรายังคงกำไรทั้งปีที่ระดับ 2,975 ล้านบาท (+20%YoY) ไว้เท่าเดิมก่อน อย่างไรก็ตามด้วยความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจชะลอการโอนที่ดินไป ซึ่งจะทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดไว้ สำหรับคำแนะนำการลงทุน ระยะสั้นเรามองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงเพราะกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าไปมากแล้ว