Daily Focus: สงครามยังตึง การเมืองไทยระอุ

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้บ้างระหว่างวัน แต่ยังคงมีแรงขายสลับออกมากดดัน ทำให้ดัชนีโดยรวมทรงตัว ปิดลบบางๆ 0.91 จุด ที่ระดับ 1,113.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ลดลงเหลือ 2.75 หมื่นลบ. โดย Domestic อย่างธนาคาร ค้าปลีก ท่องเที่ยว ฟื้นตัวได้ระยะสั้น ขณะที่กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ชะลอตัว สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย 237 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 608 ลบ. (แต่ Long Index Futures สุทธิบางๆ 1.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,100-1,120 จุด โดยประเด็นสงครามอิสราเอล-อิหร่านยังคงกดดันหลังล่าสุดทรัมป์ระบุให้อิหร่านยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข รวมถึงมีข่าวว่าสหรัฐฯ กำลังเพิ่มเครื่องบินขับไล่ไปประจำการในตะวันออกกลางมากขึ้น ขณะที่การเมืองในประเทศร้อนแรงขึ้นหลังพรรคเพื่อไทยยื่นคำขาดของกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทย ปัจจัยด้านสงครามทำให้ราคาน้ำมันดิบพลิกกลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุด Brent อยู่ที่ US$76.5 ต่อบาร์เรล ทำให้กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำที่ชะลอตัววานนี้คาดกลับมาปรับขึ้นและพยุงตลาดอีกครั้ง ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้คือการประชุม FED ซึ่งคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% แต่ต้องติดตามว่า Dot Plot และประมาณการเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ รวมถึงถ้อยแถลงของพาวเวล ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะมีแนวทางหรือเคาะมาตรการอะไรออกมาบ้างจากวงเงินรวม 1.57 แสนลบ. ส่วนพรุ่งนี้ติดตามท่าทีพรรคภูมิใจไทยตามเส้นตาย 48 ชั่วโมงที่พรรคเพื่อไทยยื่นคำขาด ภาพรวมเสถียรภาพการเมืองไทยยังดูค่อนข้างเปราะบางและไม่ได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน จึงยังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นหนุนเฉพาะตัว ได้แก่ กลุ่มพลังงานต้นน้ำ รวมถึง Defensive Play ท่ามกลางความเสี่ยงและไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมือง

กลยุทธ์ : ยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2025-2026 แข็งแกร่งและมีความแน่นอนของกำไรสูง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON

FSSIA Portfolio : BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 18 มิ.ย. 25 : PTTEP

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA consensus 128.26 บาท
  • ราคาน้ำมันดิบที่พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุด Brent อยู่ที่ US$76.5 ต่อบาร์เรล คาดยังเป็น Sentiment หนุนให้ราคาหุ้น PTTEP จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด จากความกังวลสถานการณ์สงครามอิสราเอล-อิหร่านที่รุนแรงขึ้น หลังทรัมป์บอกให้อิหร่านยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข
  • Consensus ประเมินกำไรปี 2025 ของ PTTEP เฉลี่ยที่ 5.8 หมื่นลบ. ซึ่งอาจมี Upside จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่ Dividend Yield ยังสูงเกือบ 8%
  • แนวรับ 107-105 บาท แนวต้าน 115-117 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$236 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$298 ล้าน ขณะที่เกาหลีใต้ไหลออก US$59 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซียแต่ไหลออกจากไทย ประเทศละ US$16-19 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะพลิกมาไหลออกจากสถานการณ์สงครามอิสราเอล-อิหร่านที่เสี่ยงรุนแรงขึ้น หลังทรัมป์ระบุให้อิหร่านยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไข

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) Contractor บอร์ดค่าจ้างมีมติปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น 400 บ./วัน ในพื้นที่กทม. เริ่มมีผล 1 ก.ค. 2025 เป็น Sentiment ลบต่อกลุ่มรับเหมา เราประเมินกระทบไม่มากต่อประมาณการกำไรปี 2025 โดยคาดกระทบ CK, STECON, SEAFCO -2% / PYLON -3% ส่วนปี 2026 ประเมินกระทบกำไรของ CK, SEAFCO -3% / STECON -4% / PYLON -5% ผู้รับเหมาหลักอย่าง CK, STECON มีงานในพื้นที่กทม.คิดเป็น 62% และ 50% ของ Backlog ปัจจุบัน ตามลำดับ อย่างไรก็ดี มีการพึ่งพา Subcontract เป็นหลัก ทำให้ลดความเสี่ยงด้านความผันผวนต้นทุน ขณะที่สัดส่วนค่าแรงอยู่ที่ 7% และ 10% ของต้นทุนรวม ตามลำดับ ผู้รับเหมาฐานรากอย่าง SEAFCO, PYLON มีสัดส่วนค่าแรง 15-20% ของต้นทุนรวม แต่เป็นงานระยะสั้น ทำให้สามารถปรับเพิ่มต้นทุนไปที่ราคาได้เร็ว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบมีโอกาสน้อยกว่าที่ประเมิน เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่จ่ายค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ

(+) CKP เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 803 ลบ. เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้ง q-q, y-y จากกำลังผลิตไฟฟ้าเขื่อนที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและสูงกว่าปีก่อน และมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญจาก FX gain ที่เกิดจากหนี้ดอลลาร์ค่าเงินบาทแข็ง แนวโน้ม 3Q25 เป็น Peak Season คงคาดกำไรสุทธิปี 2025 +11% y-y ราคาหุ้นลงมาลึกเกิน NAV ที่ 3.40 บาท หลังถูกนำออกจาก SET100 แต่จะเป็นโอกาสซื้อสะสม

(0) SIRI ยอด Presales 2Q25 มีโอกาสต่ำกว่าเป้าบริษัท จากตลาดอสังหาฯ ซบเซาและเลื่อนเปิดตัวคอนโดใหม่ แนวโน้มกำไรปกติ 2Q25 ไม่น่าตื่นเต้น คาดหดตัว y-y ตามการลดลงของยอดโอนและอัตรากำไรขั้นต้น เราคงประมาณกำไรปกติปี 2025 ที่ 4.2 พันลบ. -14% y-y และราคาเป้าหมาย 1.50 บาท คงคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจากระยะสั้นหุ้นขาดปัจจัยบวก

(0) HANN (IPO) ดำเนินงานโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่งในจังหวัดมุกดาหารและยโสธรรวม 148 เตียง มีจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาล สร้างโอกาสการขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ทั้งลาว และกัมพูชา รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง การเติบโตจะมาจากปริมาณคนไข้เพิ่มขึ้นจากการเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ 2 แห่งเพื่อรองรับการเติบโตของคนไข้ และการรักษาโรคซับซ้อนที่มี margin สูงเพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 2025-27 เติบโตเฉลี่ย 28% CAGR ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 1.20 บาท อิง DCF หรือคิดเป็น PE ที่ 21.6 เท่า หรือ +0.5SD ของค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงพยาบาลต่างจังหวัด

(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25 สำหรับ SET50 หุ้นเข้า BCP, KKP, TCAP, TIDLOR หุ้นออก BGRIM, GLOBAL, ITC, SAWAD
ส่วน SET100 หุ้นเข้า AURA, JTS, MBK, TFG, TOA, WHAUP หุ้นออก CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 299.29 จุด หรือ -0.70%, ปิดที่ 42,215.80 จุด ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง เนื่องจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 5 และมีรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้เคลื่อนฝูงบินขับไล่เข้าไปยังตะวันออกกลาง

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 5 ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลง

(-) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ หลังสหรัฐฯ อาจมีบทบาทมากขึ้นในการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.58 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.44%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 3.07 ดอลลาร์ หรือ 4.28% ปิดที่ 74.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงนั้น จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง ขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 75.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.57%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 10.40 ดอลลาร์ หรือ -0.30% ปิดที่ 3,406.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมทั้งผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,406.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.03%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 945.94 / +0.43%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

18 มิ.ย.อังกฤษ: BoE Meeting, เงินเฟ้อ (พ.ค.)

สหรัฐ: Fed Meeting, Housing Starts (พ.ค.)

20 มิ.ย.ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (พ.ค.)

จีน: Loan Prime Rate 5Y

23 มิ.ย.ไทย: ส่งออก (พ.ค.)

สหรัฐ: Existing Home Sales (พ.ค.)

24 มิ.ย.จีน: National People’s Congress standing committee
26 มิ.ย.สหรัฐ: 1Q25 GDP growth (Final), Durable Goods Orders (พ.ค.)
- Advertisement -