KS Daily View 19 มิ.ย. 2025>>>SET Index ของไทยมีแนวโน้มแกว่งตัว ในกรอบ 1,085-1,100 จุดจากความผันผวนทางการเมืองที่อาจกดดันการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย ประกอบกับภาพในต่างประเทศความขัดแย้งในตะวันออกกลางเร่งระดับขึ้น แนะนำ SYNEX และ TRUE
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผสมผสาน ดัชนี S&P500 ลดลง 0.03%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.13%, และ Dow Jones ลดลง 0.10% ซื้อขายผันผวนในกรอบ โดยเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อีกทั้งพาวเวลล์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเริ่มส่งผลต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,094.58 จุด ปรับตัวลดลง 19.00 จุด (-1.71%) จากการปรับลงของกลุ่มพลังงาน, สื่อสาร, และอาหาร จากปัจจัยเชิงลบของความไม่แน่นอนทางการเมือง ในวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มแกว่งตัว ในกรอบ 1,085-1,100 จุดจากความผันผวนทางการเมืองที่อาจกดดันการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย ประกอบกับภาพในต่างประเทศความขัดแย้งในตะวันออกกลางเร่งระดับขึ้น หลังจากที่ ผู้นำสูงสุดของอิหร่านเปิดเผยว่าอิหร่านจะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และระบุว่าการข่มขู่หรือการใช้กำลังทางทหารจากสหรัฐฯ จะนำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยบวกต่อตลาดยังคงไม่เด่นชัด แม้ว่าการส่งออกของไทยเดือน พ.ค. เติบโตได้โดดเด่นแต่มองว่าการส่งออกจะท้าทายในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งภาพของการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐยังอยู่ในระหว่างการเริ่มต้น
ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีบวกเฉพาะอย่าง SYNEX และ TRUE
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐในวันนี้ว่า อิหร่านจะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้อิหร่านยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมระบุว่าการข่มขู่หรือการใช้กำลังทางทหาร จะนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรง ขณะที่แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และคณะทำงานกำลังพิจารณาหลายทางเลือก รวมถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับอิสราเอลโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน หากสถานการณ์บานปลายอาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง มองเป็นบวกกับกลุ่มพลังงาน อย่าง PTTEP
- ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าทีมประเทศไทยได้ประชุมเจรจากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)เพื่อหารือกรณี Reciprocal Tariffs โดยสหรัฐฯ เสนอ 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ ภาษีและโควตา, มาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี (NTB), การค้าดิจิทัล, แหล่งกำเนิดสินค้า และความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยที่ทางฝ่ายไทยจะยื่นข้อเสนอตอบกลับในวันที่ 20 มิ.ย. นี้และคาดว่าจะเจรจาให้ทันภายในกรอบเวลา 90 วันหรือขอขยายเวลาเพิ่มเติมหากจำเป็น มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มส่งออกของไทย
- ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่ารัฐบาลยืนยันนโยบายตรึงค่าไฟช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ (ก.ย.–ธ.ค.) ไม่ให้เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย แม้ต้นทุนพลังงาน โดยเฉพาะแอลเอ็นจี จะเพิ่มสูงขึ้นจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง มองเป็นลบต่อโรงไฟฟ้า SPP อย่าง BGRIM และ GPSC
- รัฐบาลท้องถิ่นของจีน อย่างน้อย 6 เมือง ได้ระงับโครงการเงินอุดหนุนสำหรับผู้ที่นำรถเก่ามาแลกรถใหม่ชั่วคราว เนื่องจากเงินทุนจากรัฐบาลกลางรอบแรกหมดลงหรือมีความจำเป็นต้องทบทวนการใช้งบประมาณ ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่อาจชะลอตัว แม้ก่อนหน้านี้มีการยื่นขอรับอุดหนุนแล้วกว่า 4 ล้านราย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของตลาดอสังหาฯ มองว่าเศรษฐกิจของจีนยังคงฟื้นตัวได้ช้า อาจกระทบกับความต้องการของยางที่ชะลอตัวในอนาคต เป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยกับ STA และ TEGH
- เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยรวม 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1% ระหว่างปี 2568-2570 โดยในปีนี้คาดว่าจะลด 2 ครั้ง รวม 0.50% และอีก 1 ครั้งในปี 2569 และ 2570 ตามลำดับ อีกทั้ง ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เหลือขยายตัว 1.4% จากเดิม 1.7% และเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้เป็น 3.1% จาก 2.8% มองว่าคาดการณ์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็น proxy ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoT ในอนาคต และ NIM ของกลุ่มธนาคาร
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- SYNEX: ราคาพื้นฐาน 16.60 บาท
เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ SYNEX โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกลยุทธ์ระยะยาวที่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Apple ซึ่งเติบโตประมาณ 26% ในปี 2567 และ 17% YoY ในไตรมาส 1/2568 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการขยายช่องทางไปยังตลาดเปิด ช่วยให้ Apple สามารถทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่ม N-x ได้ดีขึ้น รวมถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ iPhone ซึ่งเติบโตประมาณ +19% YoY ในไตรมาส 1/2568 นอกจากนี้ กลุ่มสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ยังเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเพิ่มขึ้น 83% YoY ในไตรมาส 1/2568 และ 90% ในปี 2567 โดยมีแรงผลักดันหลักจากยอดขายของสมาร์ตวอทช์ Huawei ที่แข็งแกร่ง SYNEX ยังได้รับประโยชน์จากการขยายตลาดเชิงรุกโดยร่วมมือกับเจ้าของแบรนด์ผ่านโซลูชันสินเชื่อผู้บริโภค เช่น Samsung Finance+ เราประเมินว่า SYNEX ได้เพิ่มส่วนแบ่งตลาดสมาร์ตโฟนประมาณ 1–2% ในปี 2567 และจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการแข่งขัน
- TRUE: ราคาพื้นฐาน 13.61 บาท
เราแนะนำ TRUE หลังจากการประมูลคลื่นความถี่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายน ซึ่งเกี่ยวข้องกับใบอนุญาตที่เช่าจาก NT ก่อนหน้านี้ ขณะที่แม้ว่า ADVANC อาจเข้าร่วมการประมูลคลื่น 2300MHz ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ในปัจจุบัน แต่เรามองว่าเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นระยะยาว เราแนะนำให้ซื้อ TRUE ที่ราคา 11.80 บาท และ ADVANC ที่ 275 บาท หากผลการประมูลออกมาดีกว่าที่คาดไว้ เรามองว่าจะมี upside เพิ่มขึ้นได้อีกต่อประมาณการล่าสุดของเรา หากอิงจากการวิเคราะห์ของเรา เราคาดว่าการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้จะประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 2.0 บาท/หุ้น สำหรับ TRUE และ 5.0 บาท/หุ้น สำหรับ ADVANC คิดเป็นประมาณ 15% และ 2% ตามลำดับ ของราคาเป้าหมายปี 2568 ของเรา
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสบดี ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้า
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.5% YoY ลดลงเดือนก่อนหน้าที่ +3.6% YoY และเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 3.2% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.0% YoY ปิดท้ายด้วยการรายงาน Loan prime rate ของธนาคารกลางจีนเดือน ต.ค. ระยะเวลา 1 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.0% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า และ Loan prime rate อายุ 5 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.5% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า