บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 19/06/68

Daily Focus เสถียรภาพรัฐบาลแขวนอยู่บนเส้นด้าย

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในภาคเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายรุนแรงจากประเด็นคลิปการสนทนาระหว่างนายกฯ และนายฮุนเซน ซึ่งทำให้ตลาดเทขายหุ้นจากปัจจัยการเมืองที่กดดัน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของรัฐบาล ส่งผลให้ดัชนีปิดลบแรงถึง 19 จุด ที่ระดับ 1,094.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงขึ้นจากวันก่อนหน้าเป็น 3.6 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นฝ่ายละราว 1.1 พันลบ. (แต่ต่างชาติยัง Long Index Futures สุทธิ 3.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัวลงต่อเนื่องโดยมีแนวรับหลักบริเวณ Low เดิมบริเวณ 1,050-1,060 จุด ถูกกดดันจากประเด็นการเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง หลังประเด็นปัญหาคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ และนายฮุนเซน ซึ่งทำให้เกิดกระแสต่อต้านในเชิงลบในประเทศต่อตัวผู้นำ และกระทบความอยู่รอดของรัฐบาล วานนี้พรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมแล้ว ขณะที่วันนี้ติดตามการประชุมกรรมการบริหารพรรคร่วมอื่นๆ ซึ่งหากมีพรรคใดถอนตัวเพิ่มเติม จะทำให้คะแนนเสียงของรัฐบาลมีโอกาสไม่ถึงครึ่งที่ 248
เสียงและมีความจำเป็นต้องยุบสภา กรณีนายกฯ ลาออกจากตำแหน่งและต้องสรรหานายกฯ ท่านใหม่ เรามองว่าอาจช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองระยะสั้นได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามประเด็นเสถียรภาพของรัฐบาลที่ต่ำจะยังคงอยู่ ขณะที่กรณีหากยุบสภาระยะสั้นอาจ Overhang ดัชนี เนื่องจากต้องรอการเลือกตั้งใหม่ราว 2 เดือน แต่เรามองค่อนไปในทางบวกระยะกลาง-ยาวมากกว่า โดยเฉพาะหากผลการเลือกตั้งมีแนวโน้มว่ามีพรรคใดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่ยาก

ขณะที่ผลการประชุม FED เมื่อคืนที่ผ่านมายังคงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ตามคาด ขณะที่ประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจมีการปรับลดลง แต่ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มมุมมองการลดดอกเบี้ยจาก Dot Plot ตึงตัวขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ระยะสั้นยังเน้นหุ้นกลุ่ม Defensive รวมถึง Global Play เช่น พลังงาน ส่งออก ซึ่งคาดถูกกระทบจากปัจจัยความเสี่ยงการเมืองในประเทศจำกัด

กลยุทธ์ : ยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่งและมีความแน่นอนของกำไรสูง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON
FSSIA Portfolio : BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 19 มิ.ย. 25 : KCE

– แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 20 บาท

– ตัวเลขยอดส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าเดือน พ.ค. เติบโตแข็งแกร่ง +41% y-y โดยรวม 5M25 เติบโต +31% y-y คาดเป็น Sentiment บวกต่อแนวโน้มกำไร 2Q25 ที่มีโอกาสฟื้นตัว เบื้องต้นเราประเมินกำไรปกติ 2Q25 ที่ 280 ลบ. +55% y-y 

– ระยะสั้นมีแรงหนุนด้านความเชื่อมั่นหลังผู้บริหารทยอยซื้อหุ้นต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจคาดถูกกระทบจำกัดจากปัจจัยการเมืองในประเทศ

– แนวรับ 16.90 บาท แนวต้าน 17.60//18.30 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าภูมิภาคสุทธิต่อเนื่องอีก US$527 ล้าน แต่ยังอยู่ในฝั่งเอเชียตะวันออก นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$429 ล้านและ US$177 ล้าน ตามลำดับ ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกนำโดยอินโดนีเซียและไทยประเทศละ US$35-40 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้า หลัง Dot Plot ล่าสุดของ FED สะท้อนมุมมองโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่น้อยลง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มยืนได้ และ Bond Yield สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ส่งออกไทยเดือน พ.ค. 2025 ดีกว่าตลาดคาด ตัวเลขส่งออกไทยเดือน พ.ค. +18.4% y-y เร่งขึ้นจากเดือน เม.ย. ที่ +10.2% y-y ดีกว่าที่ประเมิน ส่วนการนำเข้า +18% y-y ส่งผลให้เดือน พ.ค. เกินดุลการค้า US$1.12 พันล้าน

(0) BBL รายงานตัวเลขการเติบโตของสินเชื่อ YTD สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารไทยที่ 1.5% เทียบกับกลุ่มฯ ที่ -1.1% ทั้งนี้ BBL ยังคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อรวมอยู่ที่ 3-4% ในปี 2025 แรงหนุนสำคัญอยู่ที่กลุ่มสินเชื่อบรรษัทในประเทศ และเราเชื่อว่าสินเชื่อน่าจะโตดีต่อเนื่องตลอดปี 2025 เราคาดส่วนต่างดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงแต่น่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้มากขึ้นใน 2Q25 จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดีที่ลดลงเพียงเล็กน้อย เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2025-27 ลง 8-9% จากสมมติฐานส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลงและ Credit cost ที่สูงขึ้นเล็กน้อย ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 175 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(0) BTG คาดกำไรสุทธิ 2Q25 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.3-2.4 พันลบ. จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3% q-q และ 15% y-y หนุนจากราคาหมูไทยที่ปรับขึ้นและส่งออกไก่เติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ระดับต่ำ ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับขึ้น บริษัทตั้งเป้ารายได้ส่งออกปีนี้ +15% y-y หนุนจากราคาส่งออกที่ดีขึ้นและมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าทั้งปีหมดแล้ว แนวโน้ม 2H25 บริษัทไม่ได้คาดหวังว่าราคาหมูจะกลับไปสูงเท่าปัจจุบันและก่อนหน้านี้ แต่ยังอยู่ในระดับที่ดี และสูงกว่าต้นทุนการเลี้ยง สำหรับปี 2026 คาดปริมาณหมูไทยเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านตัวและเริ่มเข้าสู่ตลาดอย่างมีนัยใน 2Q26 แนวโน้มราคาหมูไทยน่าจะพีคในเดือน มี.ค.-เม.ย. ปีนี้ แม้คาดกำไร 2Q25 อาจพีค แต่ 2H25 ยังเติบโตดี y-y เราแนะนำเป็น “ถือ” หรือซื้อเก็งกำไรหากราคาเนื้อสัตว์ฟื้นตัว

(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25
SET50 หุ้นเข้า: BCP, KKP, TCAP, TIDLOR
หุ้นออก: BGRIM, GLOBAL, ITC, SAWAD
SET100 หุ้นเข้า: AURA, JTS, MBK, TFG, TOA, WHAUP
หุ้นออก: CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 44.14 จุด หรือ -0.10%, ปิดที่ 42,171.66 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ขณะที่นักลงทุนรอผลการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความตึงเครียดที่ยังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลางยังเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกสลับลบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 32.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.27%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 75.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนประเมินความเป็นไปได้ที่ว่าความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน และอิสราเอลจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางตกอยู่ในภาวะชะงักงัน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้โดยตรง ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 75.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.20%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.04% ปิดที่ 3,408.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,391.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.49%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 947.37 / +0.15%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

- Advertisement -