บล.กรุงศรีฯ: 

ก่งหลังเกมส์

SET Index ลดลง 4.85 จุด (-0.45%) ปิดที่ระดับ 1,063 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.24 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับลง 431 บริษัท, หุ้นปรับขึ้น 95 บริษัท) มี 3 ปัจจัยลบกดดัน คือ 1) อิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ, 2) ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และ 3) การเมืองภายใน โดยมี Sector ปรับลงกดดัชนี คือ อิเล็กฯ (DELTA), ไฟแนนซ์ (KTC, SAWAD, MTC) และกลุ่มปิโตรฯ (PTTGC, IRPC, SCC), ส่วน Sector ที่ปรับขึ้น คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC), กลุ่มขนส่ง (AOT) และค้าปลีก (CPALL)

หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ

  • PTTGC (-3.14%), IRPC (-2.74%) SCC (-0.32%) กังวลน้ำมันดิบพุ่งแรงกดดันส่วนต่างผลิตภัณฑ์และกำไรของกลุ่มปิโตรฯ ล่าสุด (as of 20 June 2025) HDPE-Naphtha ลดลงแตะระดับ 271$/ton (-15.6%w-w) ต่ำกว่าระดับ Breakeven ที่ระดับ 400$/ton 
  • OR (-2.86%), CBG (-4.08%), OSP (-1.43%) หุ้นเชื่อมโยงกัมพูชา คาดได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของสองประเทศโดยเฉพาะนโยบายของกัมพูชาสั่งห้ามนำเข้าสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม และน้ำมันจากประเทศไทย โดย CBG มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชา 13%, OSP 3% ส่วน OR มีธุรกิจในกัมพูชาราว 4% ของ EBITDA รวม 
  • DOHOME (-15.44%) มีปัจจัยลบเฉพาะตัวจากข่าวสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้าตรวจสอบสาขาของ DOHOME ย่านบางบัวทองพบมีการจำหน่ายเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (เหล็กตกเกรด) กระทบความเชื่อมั่นผู้ซื้อคาดกดดันยอดขาย
  • KTC (-15.11%), BEC (-15.30%), XPG (-15.49%), TPS (-15.24%) คาดเกิดจากการบังคับขาย (force sell) จากสภาพตลาดที่ร่วงลงต่อเนื่อง โดยหุ้นทั้ง 4 หลักทรัพย์มีอัตราการวางมาร์จิ้นค่อนข้างสูงโดย XPG มีหุ้นวางมาร์จิ้นคิดเป็น 20% ของหุ้นทั้งหมด ตามด้วย KTC และ BEC 16% และ 16% ตามลำดับ
  • PTTEP (+0.91%) ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกังวลอุปทานตึงตัวจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง จากข่าวอิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันดิบคิดเป็น 20% ของ Supply น้ำมันดิบทั้งโลก
- Advertisement -