บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
MAGURO GROUP (MAGURO TB) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมชะลอตัวจากสงครามชาบู
- อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือน มิ.ย. ได้รับผลกระทบจากสงครามชาบูซึ่งทำให้ตัวเลขติดลบในอัตราสองหลัก
- คาดกำไรสุทธิ 2Q25 จะโตดี y-y แต่ยังทรงตัว q-q
- ประมาณการตัวเลขการเติบโตของกำไรปี 2025 ยังดีกว่ากลุ่มฯ ท่ามกลางการบริโภคที่อ่อนแอลง
SSSG ในเดือน มิ.ย. ได้รับผลกระทบจากสงครามชาบู
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q25 อยู่ที่ 32 ลบ. (ทรงตัว q-q, +148% y-y) เมื่อหักค่าจัดงานเลี้ยงประจำปี 3 ลบ. กำไรจะอยู่ที่ 35 ลบ. เพิ่มขึ้นทั้ง q-q และ y-y ใกล้เคียงกับคาดการณ์ก่อนหน้า แม้ว่า SSSG ใน 2Q25 อาจลดลงต่อเนื่องเป็น -9% y-y (เทียบกับ -5.3% y-y ใน 1Q25) จากสาขาในเมืองและแบรนด์ Hitori อาจได้รับผลกระทบมากกว่าที่อื่นจากการแข่งขันกันเองกับสาขาที่เปิดใหม่ นอกจากนี้กลุ่มชาบูยังกำลังประสบปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงในเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ดีการเปิดสาขาใหม่น่าจะช่วยชดเชยตัวเลขของสาขาเดิมที่ลดลง ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เปิด 4 สาขาใหม่ใน 2Q25 (3 Tonkatsu Aoki, 1 Hitori) ซึ่งทำให้ตัวเลขสาขารวมอยู่ที่ 44 เพิ่มขึ้น 16 สาขาเมื่อเทียบกับ 2Q24
ต้นทุนวัตถุดิบกำลังลดลงแต่ค่าใช้จ่ายยังสูง
ในภาพรวมราคาวัตถุดิบใน 2Q25 ลดลงพอสมควร นำโดยแซลมอน (-18% q-q, -27% y-y) และเนื้อวากิว ผู้บริหารระบุว่าราคานำเข้าได้ลดลงจากความต้องการในต่างประเทศที่ชะลอตัวท่ามกลางสงครามการค้า ดังนั้นเราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวสูงที่ประมาณ 47.8% เพิ่มขึ้นจาก 42.6% ใน 2Q24 แต่อาจลดลงเล็กน้อย q-q จากสัดส่วนของแต่ละแบรนด์ที่เปลี่ยนไป ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานน่าจะทรงตัวในระดับสูงจากต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสาขาใหม่และงานเลี้ยงพนักงานประจำปี (ซึ่งจัดขึ้นใน 3Q24 ของปีที่แล้ว)
พร้อมเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ใน 3Q25
MAGURO กำลังเตรียมเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ 1) BINCHO ซึ่งบริษัทฯ เป็นเจ้าของเอง แบรนด์ดังกล่าวจะให้บริการอาหารชุดประเภทย่างบนเตาถ่านแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นโดยจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 400-500 บาท/หัว บริษัทฯ จะเปิดสาขาแรกที่ Mega Bangna ในเดือน ก.ค. 2025 และ 2) แบรนด์แฟรนไชส์จากญี่ปุ่นซึ่งจะให้บริการอาหารชุดที่มีราคาเฉลี่ย 400-500 บาท/หัว บริษัทฯ จะเปิดสาขาแรกที่ Central Park Dusit ในเดือน ส.ค. 2025 ทั้งสองแบรนด์ล้วนอยู่ในแผนธุรกิจปี 2025 ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่รวม 15 สาขา
กำไรของ MAGURO น่าจะยังโตดีกว่ากลุ่มฯ
เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ของเราไว้ที่ 131 ลบ. (+36% y-y) และราคาเป้าหมายที่ 24.5 บาท แม้ว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมร้านอาหารโดยรวมจะอ่อนแอ เรายังคาดว่ากำไรของ MAGURO จะเพิ่มขึ้นท่ามกลางการจับจ่ายใช้สอยของบริโภคที่อ่อนแอลง ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ