Daily Focus: สถานการณ์พลิกกลับมาเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลสถานการณ์สงครามหลังสหรัฐฯ เปิดฉากทิ้งระเบิดอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ดัชนียังฟื้นตัวลดช่วงลบระหว่างวันได้บ้าง ก่อนปิด -4.85 จุด ที่ระดับ 1,062.78 จุด ส่วนมูลค่าการซื้อขาย 3.3 หมื่นลบ. ยังทรงตัวบริเวณแนวรับสำคัญ Low เดิมเดือน เม.ย. สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 400 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 913 ลบ. (และ Long Index Futures สุทธิอีก 3.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะฟื้นตัวระยะสั้นในกรอบ 1,070-1,085 จุด เม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงจาก Sentiment บวกต่างประเทศหลังทรัมป์ระบุว่าอิสราเอลและอิหร่านได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศผ่อนคลายขึ้น โดยจากประเด็นสงครามที่คลี่คลาย ทำให้ราคาน้ำมันดิบพลิกกลับมาปรับตัวลงแรงราว 10% โดยล่าสุด Brent อยู่ที่ US$69 ต่อบาร์เรล ซึ่งจะพลิกมากดดันหุ้นในกลุ่ม พลังงานต้น-กลางน้ำ ขณะที่กลุ่มปลายน้ำและ Anti-Commodity Play จะได้อานิสงส์บวก

นอกจากนี้ คุณมิเชล โบว์แมน หนึ่งในกรรมการ FED ซึ่งตลาดมองว่าอยู่ในสาย Hawkish ได้ออกมาให้ความเห็นในเชิงผ่อนคลาย โดยประเมินว่านโยบายภาษีการค้าจะกระทบเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อย รวมถึงอาจสนับสนุนให้ FED ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป เพื่อพยุงตลาดแรงงานให้ยังแข็งแรง ส่งผลให้ตลาดปรับเพิ่มความน่าจะเป็นที่ FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. เพิ่มเป็นกว่า 80% ภาพรวมทำให้ Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index อ่อนตัวลง บวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศจากความชัดเจนที่รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อ แม้เสถียรภาพจะยังต่ำจากคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่มาก แต่เชื่อว่าตลาดจะผ่อนคลายมากขึ้น โดยวันนี้ติดตามการประชุม ครม. ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือไม่ เมื่อผนวกปัจจัยทั้งหมดกับภาพทางเทคนิคที่ Overbought เราประเมินดัชนีมีโอกาสเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัวระยะสั้น

กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้นกลุ่ม Defensive หุ้นปันผลสูง รวมถึง Global Play เช่น กลุ่มน้ำมันและส่งออก ซึ่งถูกกระทบจากความเสี่ยงการเมืองในประเทศจำกัดกว่า

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON

FSSIA Portfolio : BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่น Finansia 24 มิ.ย. 25 : GPSC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36 บาท
  • ระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจาก Sentiment บวกต่างประเทศ โดยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงราว 10% หลังทรัมป์ระบุอิสราเอล-อิหร่านบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
  • นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจาก Bond Yield ที่ปรับตัวลงจากตลาดที่ประเมินโอกาสปรับลดดอกเบี้ยของ FED ที่สูงขึ้น หลังกรรมการ FED ระบุว่าผลกระทบาจากนโยบายภาษีคาดส่งผลต่อเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อย
  • แนวรับ 26.50-26 บาท แนวต้าน 28//29-30 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิอีก US$527 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$270 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนไหลออกจากอินโดนีเซีย US$17 ล้าน แต่ไหลเข้าไทย US$28 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะพลิกมาไหลเข้า หลังทรัมป์ระบุว่าอิสราเอล-อิหร่านบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่กรรมการ FED ระบุว่า FED ควรจะลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ หนุนเม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง

(-/+) กลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี : ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังสหรัฐประกาศ timeline การหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน และสงครามน่าจะสิ้นสุดลง แม้อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพสหรัฐในกาตาร์เพื่อเป็นการตอบโต้ แต่น่าจะเป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ทำให้ตลาดคลายกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางและ crude oil supply disruption ดังนั้นระยะสั้น หุ้นพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP น่าจะถูกขาย และอาจหันมาเก็งกำไรในกลุ่มปิโตรเคมี และโรงกลั่น อย่าง PTTGC, TOP, BCP, SPRC และคาดว่างบ 2Q25 ของบริษัทเหล่านี้จะออกมาดีจาก GRM ที่ปรับขึ้นสูง และ Margin ที่ดีขึ้นจากต้นทุนราคาวัตถุดิบปิโตรเลียมที่ลดลง รวมถึงได้ FX gain จากบาทแข็งค่าในช่วง 2Q25

(0) DOHOME : ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงรุนแรงจากความกังวลเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภค หลังจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบ และพบว่าสินค้าเหล็กของบริษัทบางส่วนไม่ได้มาตรฐาน ผู้บริหารชี้แจงว่าในช่วงปกติบริษัทจะซื้อเหล็กจาก 5 โรงงานหลัก ปัจจุบันสินค้าคงเหลือจากโรงงานนี้มีมูลค่าเหลืออยู่ 2.2 ลบ. ปัจจุบันยังไม่มีการขอ Claim หรือเรียกร้องใด ๆ จากลูกค้า บริษัทมีการส่งเอกสารให้ทาง สมอ. แล้ว โดยปกติจะใช้เวลาราว 4-5 เดือนจึงจะทราบผล แม้ระยะสั้นอาจมีผลกระทบต่อ Sentiment ต่อการลงทุนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่ระยะยาวด้วยฐานลูกค้าส่วนใหญ่น่าจะยังให้ความเชื่อมั่นต่อบริษัท จากการเป็นหนึ่งใน Modern Trade ที่จำหน่ายเหล็กมากที่สุดในกลุ่มฯ และไม่เคยเกิดปัญหาเช่นนี้

(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/100 งวด 2H25 : สำหรับ SET50 หุ้นเข้า BCP, KKP, TCAP, TIDLOR หุ้นออก BGRIM, GLOBAL, ITC, SAWAD
ส่วน SET100 หุ้นเข้า AURA, JTS, MBK, TFG, TOA, WHAUP หุ้นออก CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP

(+) ตลาดดาวโจนส์ : เพิ่มขึ้น 374.96 จุด หรือ +0.89%, ปิดที่ 42,581.78 จุด ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยบดบังความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง

(-) ตลาดหุ้นยุโรป : ปิดลบ ขณะที่นักลงทุนจับตาความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะตอบโต้ หลังจากสหรัฐฯ และอิสราเอลเปิดฉากโจมตีสถานที่ด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านร่วมกันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย : เปิดบวกตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าอิหร่านและอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว

(+) ค่าเงินบาท : แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 32.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -0.12%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX : ลดลง 5.33 ดอลลาร์ หรือ 7.22% ปิดที่ 68.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดร่วงลงกว่า 7% หลังจากอิหร่านเลือกตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการโจมตีฐานทัพของสหรัฐฯ แทนการดำเนินการใด ๆ ที่จะขัดขวางการขนส่งน้ำมันและก๊าซผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 65.13 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -4.93%

(+) ราคาทองคำ COMEX : เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 3,395.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,365.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.86%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 957.40 / 0.75%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 มิ.ย.จีน: National People’s Congress standing committee
25 มิ.ย.ไทย: ประชุมกนง.

สหรัฐ: Fed Chair Powell Testimony

26 มิ.ย.สหรัฐ: 1Q25 GDP growth (Final), Durable Goods Orders (พ.ค.)
27 มิ.ย.สหรัฐ: Core PCE Price index (พ.ค.)
30 มิ.ย.จีน: NBS Manufacturing PMI (มิ.ย.)
- Advertisement -