KS Daily View 25.06.2025 >>> ตะวันออกกลางคลี่คลาย ติดตามประชุม กนง. คาดคงดอกเบี้ย SET Index วันนี้ กรอบ 1,100-1,115 จุด แนะนำ CENTEL และ OSP
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.11%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.43%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.19% ขานรับข่าวข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการให้การของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) นายเจอโรม พาวเวล ต่อสภาคองเกรสในทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,100.01 จุด ปรับตัวเพิ่ม 37.23 จุด (+3.50%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, พลังงาน, และค้าปลีก หลังจากที่ความตึงเครียดในตะวันออกดูคลี่คลาย จากสัญญาการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ในวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากวันที่ผ่านมา ในกรอบ 1,100-1,115 จุด จากปัญหาในตะวันออกกลางที่คลี่คลายได้เร็ว ขณะที่ปัจจัยในประเทศ กนง. มีกำหนดประชุมเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย ตลาดคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% แต่อาจมีลุ้นว่า กนง. อาจพิจารณาลดดอกเบี้ยลงต่อได้จากภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่ติดลบ ในขณะเดียวกันการเจรจาเรื่องภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐที่อยู่ระหว่างการเจรจามีแนวโน้มที่จะขอขยายกรอบเวลาการขึ้นกำแพงภาษีออกไปหลังวันที่ 9 ก.ค. ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานบวกเฉพาะอย่าง CENTEL และ OSP
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1) นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่รีบร้อนลดดอกเบี้ยเนื่องจากต้องรอความชัดเจนเรื่องผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรต่อเงินเฟ้อ ขณะที่รองผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้น จากราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง มองเป็นปัจจัยชี้นำหนุนให้ BoT ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยใน 2H25
2) ทริสเรทติ้งปรับลดคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในปี 2025 เหลือ 5%-10% จากเดิม 10%-15% เนื่องจากเศรษฐกิจยังอ่อนแอ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ยังเปราะบาง และตลาดตราสารหนี้ตึงตัว โดยผู้ประกอบการเน้นการเติบโตอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาคุณภาพสินเชื่อ ทั้งนี้ยังมีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องติดตาม เช่น ความเสี่ยงด้านเครดิต สภาพคล่อง ตลาด และกฎระเบียบ รวมถึงข้อจำกัดในการขยายสินเชื่อจากกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพเครดิตต่ำ มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกับกลุ่มการเงินอย่าง MTC SAWAD
3) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก วงเงินรวมกว่า 1.15 แสนล้านบาท โดยใช้งบกลางจำนวน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” วงเงิน 1,750 ล้านบาท ที่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนขอรับสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ หลังจากที่ได้เปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนล่วงหน้าแล้ว มองเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยวอย่าง CENTEL SHR AAV BA
4) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดโอกาสให้จีนสามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านต่อไปได้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯ กำลังผ่อนคลายมาตรการกดดันสูงสุดต่ออิหร่าน หลังจากที่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอล แม้ว่าจะมีเหตุการณ์โจมตีระหว่างอิสราเอลและอิหร่านหลังข้อตกลงหยุดยิงที่ได้จากการเจรจาโดยสหรัฐฯ และกาตาร์ แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งให้อิสราเอลยุติการโจมตีเพื่อรักษาข้อตกลงหยุดยิงที่เพิ่งมีผลไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า มองเป็นลบกับราคาน้ำมันและ PTTEP
5) GULF เปิดเผยว่าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทลูก GMTP (ถือหุ้นโดย GULF 70% และ PTT Tank Terminal 30%) ได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้เดินหน้าโครงการภายใต้วงเงินลงทุนไม่เกิน 60,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างใน 4Q25 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ใน 1Q29 ซึ่งจะกลายเป็นสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) แห่งที่ 3 ของไทย เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและรองรับความต้องการใช้ก๊าซในอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
CENTEL: ราคาพื้นฐาน 30.73 บาท
คาดแนวโน้มของกำไร จะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q25 ที่คาดว่าจะรับรู้ผลขาดทุนจากการเปิดโรงแรมใน Maldives ใน 2Q25 ก่อนฟื้นตัวใน 3Q25 ประกอบกับเข้าสู่หน้า high season ของโรงแรมที่สมุยในช่วงเดือน ก.ค. – ส.ค. จะหนุนให้ผลประกอบการ ใน 3Q25 ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน CENTEL ซื้อขาย EV/EBITDA ปี 2025 ที่ระดับ 11.8 เท่าเทียบกับกลุ่มที่ 14.2 ขณะที่ 2025E ROE ของ CENTEL จะอยู่ที่ระดับ 7.9% เทียบกับกลุ่มที่ 5.3%
OSP: ราคาพื้นฐานที่ 20.60 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกกับ OSP มากขึ้นหลังจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ OSP ในเดือนเม.ย.อยู่ที่ 45.0% (+10 bps MoM, -30 bps YoY) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันจากระดับต่ำสุดที่ 44.5% ในเดือนธ.ค. 2024 และอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 39–40% ในปี 2025 จากโครงสร้างรายได้ที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยมูลค่าหุ้นปัจจุบัน OSP ซื้อขายอยู่ด้วย PER ปี 2025 ที่ 15.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 2SD
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตามการประชุม กนง. ของไทย โดยตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (US New Home Sales) เดือน พ.ค. ตลาดคาดที่ 6.95 แสนหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.43 แสนหลัง
- วันพฤหัสบดี ติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +8.5% MoM เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -6.3% MoM ต่อด้วย การรายงานครั้งสุดท้ายของ GDP 1Q25 ของสหรัฐอเมริกา ตลาดคาดที่ -0.2% QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.45 แสนตำแหน่งทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า
- วันศุกร์ ติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคลของสหรัฐที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core PCE Price Index) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.3% YoY เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.1% YoY