น่าจะเริ่มพักตัวบ้างหลังจากปรับขึ้นมา 4% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 106 จุด (-0.25%) ตลาดปรับฐานหลังจากพุ่งขึ้นก่อนหน้า 2 วันติดต่อ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.8% หลังจากสหรัฐฯ รายงานสต๊อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่านักวิเคราะห์ประเมินไว้

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านมือหนึ่งที่ 6.23 แสนหลังคาเรือน แย่กว่านักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 6.94 แสนหลังคาเรือน สะท้อนถึงความอ่อนแอในเชิงอุปสงค์ จึงได้กดดันให้ US Bond Yield ปรับลงอย่างมีนัยสำคัญในรุ่นอายุ 2, 10 ปี สอดคล้องกับ Dollar Index ที่อ่อนค่าต่อเนื่อง

ด้านปัจจัยในประเทศ เมื่อวานที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายด้วยจำนวนเสียง 6 : 1 โดยเศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี 25 มีแนวโน้มดีกว่าที่ประเมินไว้จากภาคผลิตและการเร่งส่งออกสินค้า แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในระยะถัดไป เพราะความเสี่ยงจากการส่งออกจะเผชิญผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมไปถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.3% และ 1.7% ในปี 25, 26 ตามลำดับ โดยไตรมาสแรกของปีนี้ถือว่าขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้ กนง. เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.3%

สินเชื่อโดยรวมหดตัว เพราะสถาบันการเงินยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะ SME และครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ ประกอบกับความต้องการของภาคธุรกิจลดลง นอกจากนี้ยังได้ระบุว่า จำนวนธุรกิจในประเทศไทยอย่างร้านอาหารเพิ่มขึ้นในระดับ 106% แต่จำนวนนักท่องเที่ยว (อุปสงค์) เพิ่มขึ้นเพียง 12% จึงเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามหน้าข่าวที่รายงานออกมา ส่วนปี 26 ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้เพียง 38 ล้านคน

ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และ GDP ของสหรัฐฯ โดย Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.4% แทนราย และ -0.2% QoQ

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1095 – 1115 น่าจะเข้าสู่ช่วงพักตัวระยะสั้นหลังจากปรับขึ้นมา 4.2% ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา รับปัจจัยหนุนจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ประกอบกับรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผสานกับธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น

ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนระยะสั้นอาจใช้จังหวะนี้เป็นโอกาสทำกำไรระยะสั้น แต่มุมมองถัดไปยังเชื่อว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้จากการที่ Valuation ไม่แพง และมีลุ้นเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หากตลาดพักฐานลงมา ยังมองเป็นโอกาสกลับเข้าสะสม เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ศูนย์การค้า (CPN), ค้าปลีก (CPALL, CRC), ธนาคารพาณิชย์ (BBL, KBANK, KTB, SCB), การเงิน (MTC, SAWAD)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท)

เริ่มเห็นแนวโน้ม SSSG ที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น MoM ในช่วง 2025 แม้ว่าจะยังคงติดลบ 4%-6% ในช่วง QTD ของ 2025 แบ่งเป็น SSSG ประเทศไทย -2% ถึง -4% (หมวดวัสดุก่อสร้าง) ขณะที่ Food ยังคงเป็นบวกทั้ง Tops และ GO Wholesale, ประเทศเวียดนาม -11% ถึง -13% โดย Food เวียดนามยังคงบวกได้ในเงินสกุลดอง, และประเทศอิตาลี -7% ถึง -9% ดีขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่ติดลบราว 10% แต่ปัจจุบัน Valuation อยู่ในจุดที่น่าสนใจ ซื้อขายเพียง 11.6x PE’25E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มและค่าเฉลี่ยการซื้อขายในอดีต

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)

คาดเห็น Synergy benefits ทยอยรับรู้มากขึ้นในช่วง 2025 ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วงเดือน มี.ค. 2025 ของทั้ง Makro และ Lotus’s ขยายตัวเล็กน้อย YoY จากยอดขายอาหารสด อาหารพร้อมทาน และเบเกอรี่ที่โตดีต่อเนื่อง ระยะสั้นคาดรายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 2.6 พันล้านบาท (+5% YoY, -35% QoQ) จากยอดขายที่โต 2% YoY อัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ทรงตัว YoY (GPM ค้าส่งขยายตัว 20 bps YoY, GPM ค้าปลีกทรงตัว YoY) ชดเชยกับอัตรากำไรจากพื้นที่เช่าที่ลดลง YoY ค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลงเล็กน้อย 10 bps YoY จากค่าใช้จ่าย Lotus’s ที่ควบคุมได้ดี แม้ว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเติบโตของ Omni Channel ยังคงโต YoY

 

- Advertisement -