บล.พาย:

ITC (I-Tail Corporation PCL)

2Q25 กำไรฟื้นจาก 1Q25

ภาพรวมผลประกอบการงวด 2Q25 ได้รับแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้รายได้ในรูปเงินบาทไม่สะท้อนความเป็นจริงเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเราคาดรายได้ที่ 4,476 ล้านบาท (-2%YoY, +5%QoQ) สำหรับกำไรสุทธิเราประเมินที่ 742 ล้านบาท (-27%YoY) ได้รับแรงกดดันจากกำไรขั้นต้นที่ลดลง แนวโน้มช่วง 2H25 ยังต้องรอมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพราะมีสัดส่วนรายได้กว่า 60% จากตลาดดังกล่าว ทั้งนี้เราคาดว่าราคาหุ้นสะท้อนปัญหาดังกล่าวไปมากแล้ว รวมกับผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึง 7% ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม

คาด 2Q25 กำไรสุทธิ 742 ล้านบาท (-27%YoY, +10%QoQ)

  • เราคาดว่า ITC จะมีกำไรสุทธิงวด 2Q25 ที่ 742 ล้านบาท (-27%YoY, +10%QoQ) เทียบกับปีก่อนลดลงเพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 10% กดดันให้รายได้ รวมถึงสัดส่วนสินค้าในกลุ่ม Premium ที่น้อยลง ส่วนเทียบกับ 1Q25 เพิ่มขึ้นจากการที่ลูกค้าจากยุโรปรายใหญ่กลับมาสั่งตามปกติหลังชะลอไป
  • รายได้คาดที่ 4,476 ล้านบาท (-2%YoY, +6%QoQ) เทียบกับปีก่อนจากการแข็งค่าของเงินบาท แม้ว่าในส่วนของรายได้สกุลสหรัฐฯ จะเติบโตได้กว่า 11%YoY ซึ่งเติบโตตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 13%YoY ส่วนการเพิ่มขึ้นจาก 1Q25 เกิดจากลูกค้าจากยุโรปกลับมาสั่งตามปกติหลังจากมีการชะลอไปในไตรมาสก่อนหน้าเพื่อปรับปรุงสินค้าคงเหลือที่มี ทั้งนี้ราคาขายสินค้าเฉลี่ยในไตรมาสนี้จะลดลงเนื่องจากมีสัดส่วนสินค้าในกลุ่ม Mid Price มากขึ้น และทำให้สัดส่วนสินค้าในกลุ่ม Premium ต่ำกว่าระดับ 50% ที่ทำได้ในปีก่อน
  • กำไรขั้นต้นคาดที่ 24.3% ลดลงจาก 30% ใน 2Q24 เพราะค่าเสื่อมราคาจากโรงงานใหม่และสัดส่วนสินค้า Premium ที่ลดลงตามที่กล่าวไป แต่ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 24% ใน 1Q25 หลังราคาปลาทูน่าเริ่มลดลง ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดที่ 439 ล้านบาท (+13%YoY, -5%QoQ) เพิ่มจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัท ส่วนลดลงจาก 1Q25 เพราะมีการควบคุมค่าใช้จ่ายภายในมากขึ้น
  • ภาษีจ่ายที่ 59 ล้านบาท (+63%YoY, +270%QoQ) คิดเป็นอัตราภาษีจ่ายที่ 7% เพิ่มมากเพราะเริ่มเสียภาษีจากผลกระทบของ GMT แล้ว อย่างไรก็ตามระดับดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีที่บริษัทคาดไว้ว่าจะเสียประมาณ 4-6% (ต่ำกว่าเดิมเพราะรายได้น้อยกว่าที่คาดไว้) เพราะมีการปรับปรุงย้อนหลังของ 1Q25 ด้วย

ยังต้องรอผลกระทบจากภาษี

แนวโน้มช่วง 2H25 ยังต้องรอดูภาพรวมจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ว่าจะมีอัตราเท่าใด อย่างไรก็ตามในแง่คำสั่งซื้อช่วง 3Q25 ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางผู้บริหารแจ้งว่ามีแล้วกว่า 30-40% ของเป้าทั้งหมดที่ตั้งไว้ ขณะที่การออกสินค้าใหม่ในช่วง 2H25 ยังมีตามแผนอีกประมาณ 7 ประเภท มูลค่ากว่า 21 ล้านเหรียญฯ

คงกำไรเท่าเดิม แต่อาจปรับขึ้นเพราะภาษีต่ำกว่าที่เคยคาด

เราคงกำไรทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อนที่ 2,696 ล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยผลกระทบจาก GMT ที่ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้เราอาจจะมีการปรับประมาณการกำไรทั้งปีขึ้น โดยจะรอความชัดเจนหลังการประกาศผลประกอบการอีกครั้ง สำหรับคำแนะนำการลงทุน เราคาดว่าราคาหุ้นสะท้อนความกังวลถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีไปมากแล้ว ขณะที่ในแง่ผลประกอบการยังมีโอกาสฟื้นตัวได้จากการมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ ที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 14.4 บาท (16x PER 25E)

 

- Advertisement -