บล.ฟินันเซีย ไซรัส:

(0) TU คาดกำไร 2Q25 ฟื้นตัว 16% q-q โดยโตทุกธุรกิจ แต่คาดยังลด y-y เพราะปีก่อนยังไม่มี transformation cost

  • คาดกำไรสุทธิ 2Q25 อยู่ที่ราว 1.18 พันลบ. (+16% q-q, -3% y-y) โดยคาดรายได้รวมสกุล USD เติบโตทั้ง q-q และ y-y และโตทุกธุรกิจ ยกเว้น frozen ที่ลดลง y-y แต่ด้วยค่าเงินบาทแข็งค่า จึงคาดรายได้สกุลบาทจะลดลงเล็กน้อย 2% y-y แต่คาดโตดี 16% y-y
  • แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ดี คาดอยู่ที่ 19% แตะกรอบบนของเป้าทั้งปีที่ 18.5-19% มาจากปริมาณที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบลดลง ส่วนค่าใช้จ่ายปรับขึ้น q-q และ y-y จากทั้ง transformation cost และค่าใช้จ่ายการตลาด แต่ด้วยรายได้ที่โตดีกว่า คาด SG&A to sale ลดลง q-q มาอยู่ที่ 14% จาก 15.8% ใน 1Q25 แต่ยังสูงกว่า 13% ใน 2Q24
  • 2Q25 จะเริ่มรับรู้ GMT เบื้องต้นคาด tax rate ขยับขึ้นเป็น 15% และจะลดลงใน 2H25 โดยผบห.ปรับลดภาษีจ่ายปี 2025 ลงเป็น 100-150 ลบ. จากเดิม 300 ลบ. จากการประมาณการ GMT ที่ลดลง แต่ในปีถัดๆไป ยังให้วิว GMT ในอัตราเดิมที่ราว 300 ลบ. อย่างไรก็ตาม การประมาณการ GMT ในแต่ละปีมีความผันผวนเพราะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
  • ผบห.ให้วิวคำสั่งซื้อใน 2H25 จะดีกว่า 1H25 โดยยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอของคำสั่งซื้อ และยังคาดคำสั่งซื้อ 3Q25 ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง จากช่วง high season ของธุรกิจ แม้ผบห.จะระบุว่าแนวโน้มรายได้ใน 2H25 จะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่า แต่ส่วนหนึ่งเราคาดหวังการเติบโตของปริมาณขายด้วย
  • ปัจจุบัน TU ยังคงเป้ารายได้ปี 2025 โต 3-4% y-y และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 18-19% บนสมมติฐาน Tariff 10% ตลอดทั้งปี ซึ่งหาก US tariff ถูกปรับขึ้นตามข่าวที่ราว 18% อาจทำให้รายได้ทั้งปีต่ำกว่าเป้าของบริษัท 

ทั้งนี้ผบห.ระบุว่าไม่น่าจะกระทบต่ออย่างมีนัยสำคัญ เพราะ TU จะไม่รับภาษีดังกล่าว คาดจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าไปยังผู้บริโภคท้ายที่สุด และยังมีแผนการย้ายการผลิตไปยังโรงงานในซีเชลและกาน่า ที่โดน tariff ต่ำกว่าไทย

  • เรายังต้องติดตามการฟื้นตัวและการเปลี่ยนแปลงของ US tariff ต่อไป อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับลงมามาก 22% YTD ปัจจุบันเทรดบน 2025E PE ที่ 12x บนกำไรของ FSSIA และ 10x บนกำไรของ consensus และคาด dividend yield 5-6% คงคำแนะนำ ถือ
- Advertisement -