บล.พาย:

HMPRO: Home Product Center PCL

คาดกำไรชะลอตัวระยะสั้น แต่มีปันผลเด่น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 9.60 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายน่าดึงดูดเพียง 13x PE’25E หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยการซื้อขายในรอบ 5 ปี แม้ว่าแนวโน้ม SSSG ช่วง 2Q25 ยังไม่สดใสนัก เนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว รวมถึงความต้องการที่ชะลอตัวหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้คาดว่ากำไร 2Q25 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (-14% YoY, -18% QoQ) แต่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจาก -10% ในเดือน เม.ย. 2025 สู่ระดับ -4% ในเดือน มิ.ย. 2025 จากผลกระทบจากสภาพอากาศที่ลดลง ขณะที่ยังมองระยะยาวสดใสจากการทำ Hybrid store ทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่ากลุ่ม รอเพียงการฟื้นตัวของกำลังซื้อที่จะเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการ

คาดกำไร 2Q25 ลดลง YoY และ QoQ

  • คาดกำไร 2Q25 ที่ 1.4 พันล้านบาท (-14% YoY, -18% QoQ) ผลจากการลดลงของยอดขายสาขาเดิม (คาด SSSG ที่ -8.0% ใน 2Q25 เทียบกับ -3.3% ใน 1Q25) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเป็น 26.7% ใน 2Q25 จาก 27.0% ใน 2Q24 ตามปริมาณการขายที่ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เป็นจำนวนเงินคาดว่าจะลดลง YoY จากการบริหารจัดการที่ดีภายใต้ Hybrid model แต่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังคงเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมลดลงแรง
  • คาด SSSG ช่วง 2Q25 ของ HomePro ที่ -8%, Mega Home ที่ -3%, และ HomePro Malaysia -12% หากดูแค่เดือน มิ.ย. 2025 จะเห็นแนวโน้ม SSSG ของ HomePro ดีขึ้นเป็น -4% จากติดลบ 8%-10% ในเดือน เม.ย.-พ.ค. 2025 ผลจากยอดขายเครื่องปรับอากาศที่ลดลงจากสภาพอากาศที่ไม่ร้อนเท่าปีก่อน (คิดเป็นผลกระทบต่อ SSSG ราว 5% เนื่องจากยอดขายเครื่องปรับอากาศคิดเป็นราว 10% ของยอดขายรวม) ขณะที่ Mega Home พลิกกลับมาเป็นบวก 1%-3% ในเดือน มิ.ย. 2025 จาก -4% ในเดือน เม.ย.-พ.ค. 2025 หลังรวม Hybrid store 2 สาขา (แม่สอดกับหนองคาย) ที่เปิดในเดือน มิ.ย. 2024 หากไม่รวมก็ SSSG ยังทรงตัว YoY ในเดือน มิ.ย. 2025 จากความสามารถในการแข่งขันและการจัดสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า

ปี 2025 ยังคงขยายสาขาต่อเนื่อง

ปี 2025 มีแผนเปิด 12 สาขา รวมเป็น 148 สาขา ภายใต้รูปแบบ Hybrid store model โดยเริ่มเปิดสาขาในช่วง 3Q25 จำนวน 8 สาขา แบ่งเป็นเพิ่ม Hybrid store ในทำเลข้างสาขาเดิมจำนวน 4 สาขา และเปิด Hybrid store ใน 2 ทำเลใหม่จำนวน 4 สาขา (HomePro 2 สาขา กับ Mega Home 2 สาขา) *การขยายสาขา Hybrid store มีต้นทุนการขยายสาขาที่ต่ำกว่า และมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว (งบลงทุนสาขาใหม่อยู่ที่ราว 400 ล้านบาท/สาขา ขณะที่การขยายสาขารูปแบบ Hybrid store จะมีเงินลงทุนราว 80-200 ล้านบาท/สาขา)

คำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าน่าดึงดูด

มูลค่าพื้นฐาน 9.60 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 8.0% และ TG 1.5% เทียบเท่า 20x PE’25E สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย สะท้อน ROE ที่สูงกว่ากลุ่ม (เติม 11.00 บาท) หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 2025-26 ลง 4%-8% เพื่อสะท้อนการปรับลด SSSG ลงจากผลกระทบความต้องการที่ชะลอตัวหลังแผ่นดินไหว

 

- Advertisement -