บล.พาย

BANKING สำรองหนี้ฯ ลดลง พยุงกำไรใน 2Q25 (NEUTRAL)

TOP PICK: BBL, KTB

กำไรรวมของกลุ่มธนาคารผ่านระดับสูงสุดไปแล้วใน 1Q25 ทำให้แนวโน้มจากนี้ไปกำไรของกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มชะลอตัว และจะแตะระดับต่ำสุดใน 4Q เหมือนเช่นหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ใน 2Q25 เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมของธนาคารอยู่ที่ 57.9 พันล้านบาท (+2.8% YoY, -5.2% QoQ) เพราะแม้สำรองหนี้ฯ จะผ่อนคลายลงได้ แต่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เป็นรายได้หลักปรับลดลง กดดันจากสินเชื่อชะลอตัว และ NIM ลดลง และเมื่อมองไปข้างหน้า ธนาคารมีความท้าทายสูงขึ้นจากเศรษฐกิจชะลอตัว กระทบจากเสถียรภาพรัฐบาลที่อ่อนแอ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว อาจกระทบต่อการบริหารประเทศ นอกจากนี้ มาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐที่สูงขึ้นทำให้ขาดปัจจัยหนุนการเติบโตที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี Valuation ของกลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.7x PBV’25E (-0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี) และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงช่วยลดความผันผวนของราคา เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก BBL, KTB เป็นหุ้นเด่น

แนวโน้มกำไรรวมใน 2Q25 ลดลง หลังจากผ่านระดับสูงสุดใน 1Q

  • เราคาดธนาคาร 9 แห่งจะรายงานกำไรสุทธิรวมใน 2Q25 ที่ 57.9 พันล้านบาท (+2.8% YoY, -5.2% QoQ) โดยกำไรเติบโต YoY หนุนจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) สูงขึ้น และสำรองหนี้ฯ ลดลง โดยคาด Credit cost เฉลี่ยลดลงที่ 134 bps (-29 bps YoY, -8 bps QoQ) ขณะที่คาดกำไรสุทธิปรับลดลง QoQ เนื่องจากแม้สำรองหนี้ฯ ปรับลดลง แต่ผลกระทบจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมกดดันกำไรลดลง
  • การประเมินของเรา:
    (1) KKP กำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ
    (2) BBL, CREDIT, KBANK, KTB, SCB กำไรสุทธิเติบโต YoY แต่ลดลงหรือทรงตัว QoQ
    (3) TCAP, TTB กำไรปรับเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY
    (4) TISCO กำไรสุทธิจะปรับลดลงทั้ง YoY และ QoQ

สินเชื่อยังอ่อนแอ QoQ และหนี้เสียปรับสูงขึ้น กระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว

  • แม้จะมีการชำระคืนหนี้ลดลงเทียบกับใน 1Q แต่ธนาคารยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อใหม่ เพราะเศรษฐกิจแนวโน้มชะลอตัว หลังจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยขยายตัวสูงสุดไปแล้วใน 1Q25 ที่ 3.1% เราคาดว่าสินเชื่อรวมใน 2Q25 จะปรับลดลงต่อเนื่อง 0.2% QoQ ที่ 12.2 ล้านล้านบาท ทำให้สินเชื่อรวมใน 1H25 ลดลง 0.8% YTD ทั้งนี้ มีเพียง KTB, CREDIT, KKP และ TISCO ที่คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัว QoQ ใน 2Q25
  • แม้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” อาจช่วยลดแรงกดดันต่อคุณภาพสินเชื่อ แต่ผลกระทบจากเศรษฐกิจฟื้นตัวเปราะบาง และฐานสินเชื่อที่ลดลง เราคาด NPL ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น QoQ ที่ 3.8% จาก 3.7% ใน 1Q25 ขณะที่ Coverage ratio เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารลดลง แต่ยังอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยที่ 181.1%

ความท้าทายเศรษฐกิจสูงขึ้น คาดกำไรรวมปี 2025 ลดลง 0.7% YoY

  • นโยบายภาษีของสหรัฐส่งผลกระทบเชิงกว้างต่อการค้าโลก สร้างความท้าทายต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะใน 2H25 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 1.7% จาก 2.9% ใน 1H25 เช่นเดียวกัน เราคาดว่ากำไรใน 2H25 จะอ่อนตัวลงเทียบกับใน 1H25
  • สินเชื่อมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ยกดดัน NIM อ่อนตัวต่อเนื่อง ดังนั้น เราคาดกำไรสุทธิรวมจะปรับลดลง 0.7% YoY ในปี 2025 อย่างไรก็ดี ฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่งทำให้ธนาคารสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ และคงระดับการจ่ายเงินปันผลสูงไว้ได้ โดยคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 6.7% ในปี 2025

คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” BBL, KTB เป็นหุ้นเด่น

เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เพราะแม้อัตราการเติบโตของกำไรปี 2025 จะไม่โดดเด่น แต่พื้นฐานของกลุ่มธนาคารยังแข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6.7% ในปี 2025 และ Valuation ไม่แพง กลุ่มฯ ซื้อขายที่ 0.7x PBV’25E หรือ -0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี อย่างไรก็ดี ความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัว มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ และเสถียรภาพรัฐบาลเพิ่มความเสี่ยงการลงทุน อาจกดดันราคาหุ้นธนาคารให้ผันผวน ดังนั้น หาจังหวะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เลือก BBL และ KTB เป็นหุ้นเด่นจาก
(1) อัตราผลตอบแทนในการลงทุนมากกว่า 10%
(2) ผลตอบแทนเงินปันผลสูงกว่า 6% ในปี 2025
(3) งบดุลแข็งแกร่ง

 

- Advertisement -