KS Daily View 08.07.2025 >>> สหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้าไทยที่ 36% มากกว่าเพื่อนบ้าน มองกรอบ SET วันนี้ 1,090-1,120 จุด แนะนำ BCH และ GULF

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 0.79%, Nasdaq Composite ลดลง 0.92%, และ Dow Jones ลดลง 0.94% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ 25%

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,123.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.06 จุด (+0.27%) จากการปรับตัวเพิ่มของกลุ่มสื่อสาร, อิเล็กทรอนิกส์, และกลุ่มธนาคาร ในวันนี้ เราคาดว่า SET Index ของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากวันที่ผ่านมาอยู่ในกรอบ 1,090-1,120 จุด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากประเทศไทยในอัตราที่ 36% โดยเริ่มมีผลวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามในอัตราที่ 20%, มาเลเซียที่ 25%, และอินโดนีเซียในอัตราที่ใกล้เคียงกันที่ 32% อาจส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าส่งออกของไทยลดลง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ ในขณะเดียวกันด้วยแรงกดดันของภาพการส่งออกใน 2H25 อาจหนุนให้แนวโน้มการเติบโตของ GDP และภาคการบริโภคของเอกชนของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวซึ่งส่งผลกระทบทางอ้อม กดดันการลงทุนตลาดหุ้นไทย ในส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำกลุ่ม defensive อย่าง BCH และ GULF

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในอัตรา 25% ในส่วนของประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่ 36% โดยเริ่มวันที่ 1 ส.ค. และหากมีการส่งสินค้าไปยังประเทศอื่น ก่อนที่จะส่งออกไปยังสหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่สูงกว่า สินค้าดังกล่าวก็จะถูกเรียกเก็บตามอัตราภาษีที่สูงกว่าตาม มองเป็นลบกับกลุ่มส่งออกอย่าง AAI ITC DELTA
  1. กลุ่มฮูตีในเยเมนอ้างว่าได้จมเรือบรรทุกสินค้าชื่อ Magic Seas ที่ติดธงไลบีเรียในทะเลแดงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยใช้เรือควบคุมระยะไกลบรรทุกวัตถุระเบิด ขีปนาวุธ และโดรนโจมตี ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งแรกของฮูตีในปีนี้ หลังจากที่เว้นว่างไประยะหนึ่งจากการก่อเหตุในทะเลแดง มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกเล็กน้อยต่อ PSL และ RCL
  1. ท่อส่งน้ำมันดิบหนักของเอกชนในเอกวาดอร์ชื่อ OCP ได้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม หลังจากหยุดการสูบส่งมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเนื่องจากฝนตกหนัก ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน โดยบริษัท OCP Ecuador ได้ออกแถลงการณ์ว่าการกลับมาดำเนินการเป็นไปได้หลังจากสร้างทางเบี่ยงเสร็จเรียบร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Loco ที่อยู่ในภูมิภาคแอมะซอนของประเทศ มองเป็นลบเล็กน้อยกับราคาน้ำมันและ PTTEP
  1. CPI ของไทยในเดือนมิถุนายน 2568 ลดลง 0.25% YoY แต่เพิ่มขึ้น 0.02% MoM โดยมีสาเหตุจากราคาพลังงาน ไฟฟ้า และอาหารสดที่ลดลง โดยเฉพาะไข่ ผัก และผลไม้ ซึ่งเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม หนุนทิศการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธปท. ในครึ่งปีหลัง
  1. บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เป็น “มีเสถียรภาพ” จากเดิม “เชิงลบ” พร้อมคงอันดับเครดิตสากลที่ ‘BBB-’ และในประเทศที่ ‘A+(tha)’ สะท้อนถึงแนวโน้มการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินสุทธิจากการชะลอการลงทุนและการลดสัดส่วนถือหุ้นในAvaada Energy ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงิน ขณะเดียวกัน GPSC ยังคงมีสถานะธุรกิจแข็งแกร่งในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของไทย กระแสเงินสดมีเสถียรภาพจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับEGAT

Daily pick

BCH : ราคาพื้นฐาน 16.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BCH จากความสามารถในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ได้อย่างมีประสิทธิภาพในไตรมาส 1Q25 ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอที่กดดันรายได้ โดยคาดว่าการเติบโตของรายได้จะปรับตัวดีขึ้นหลังไตรมาส 1Q25 เป็นต้นไป เนื่องจากฐานเปรียบเทียบที่สูงจากผู้ป่วยชาวคูเวตในปีก่อนจะหมดไป นอกจากนี้ BCH ยังมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดรายได้จากการผ่าตัดลดน้ำหนัก และยังมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติในระดับสูง ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งภายหลัง สำนักงานประกันสังคมมีมติประกันจ่าย ค่ารักษาโรคยาก (high-cost care RW > 2) ที่ระดับ 12,000 บาท/rw เป็นการปิดความเสี่ยงของกลุ่มโรงพยาบาลประกันสังคมอีกด้วย

GULF: ราคาพื้นฐาน 61.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น GULF จากโครงสร้างธุรกิจที่มีความมั่นคงและป้องกันความเสี่ยงได้ดี  โดยเราประเมินว่า GULF แทบไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐไม่ว่าผลการเจรจาจะออกมาอย่างไร เนื่องจาก 92% ของรายได้มาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ.80% จากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 3% จากพลังงานหมุนเวียน 9% จากธุรกิจ LNGความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (regulatory risk) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่น เพราะมีเพียง 6% ของรายได้เท่านั้นที่มาจากโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งขายไฟให้ภาคอุตสาหกรรม GULF ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2025 ที่ระดับ 25% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก 4 ด้าน รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าใหม่ หน่วยที่ 3 และ 4 ของโครงการ GPD, โรงไฟฟ้า HKP โรงไฟฟ้าใหม่ที่จะทยอยเปิดดำเนินการในปี 2025 หน่วยที่ 2 ของ HKP (770MW เริ่ม ม.ค. 2025) โครงการโซลาร์เพิ่มเติมราว 707MW (รวมโซลาร์ฟาร์ม, โซลาร์+BESS และโซลาร์รูฟท็อป) คาด COD ภายในสิ้นปี นอกจากนี้รายได้จากเงินลงทุนใน ADVANC คาดรับรู้กำไรจาก ADVANC ประมาณ 1.0–1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2025 และจะเพิ่มเป็น 1.5–1.8 หมื่นล้านบาท ต่อปีตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป และสถานะเครดิตของ GULF ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ อันดับเครดิตเพิ่มขึ้นจาก A+ เป็น AA- ด้วยภายหลัง amalgamation

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตาม การแถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางของออสเตรเลีย

วันพุธ  ติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อของจีน (China CPI)เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.1% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วยรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minute)

วันพฤหัสบดี  ติดตามจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.33 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์  ติดตาม GDP ของสหราชอาณาจักร เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.1% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.3% MoM

- Advertisement -