บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Neo Corporate (NEO.BK/NEO TB) ประมาณการ 2Q68F: กำไรจะชะลอตัว

Event : ประมาณการ 2Q68F และปรับลดประมาณการกำไรกับราคาเป้าหมายใหม่

Impact

GPM ยังคงถูกกดดัน, คาดกำไรใน 2Q68F ลดลงทั้ง YoY และ QoQ

เราคาดว่า NEO จะรายงานกำไรใน 2Q68F อ่อนแอที่ 174 ล้านบาท (-35% YoY และ -32% QoQ) แม้หวังว่ายอดขายจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ แต่กำไรก็น่าจะลดลงจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แคบลง ส่วนใหญ่ถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น หากกำไร 2Q68F ออกมาตามเราคาด กำไรสุทธิใน 2H68F จะอยู่ที่ 430 ล้านบาท (-20% YoY) คิดเป็น 46% ของประมาณการทั้งปีของเรา

ในแง่รายได้จากการขายใน 2Q68F เราคาดเพิ่มขึ้น 5% YoY และ 1% QoQ อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ปัจจัยหนุนหลักจากการขายผลิตภัณฑ์สำหรับครัวเรือนได้ดี การที่รายได้เติบโตขึ้นผลักดันจากการเปิดตัว SKU ใหม่กว่า 100 รายการ (เทียบกับ 62 รายการใน 2Q67 และ 65 รายการใน 1Q68) และด้วยกลยุทธ์นี้น่าจะช่วยดันยอดขายใน 2H68F ให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ดังกล่าว น่าจะทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 31.2% ใน 2Q68F (-2.0 ppts YoY และ +2.0 ppts QoQ)

อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) น่าจะลดลง

ต้นทุนวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเมล็ดในปาล์ม (palm kernel) ลดลงได้ช้ากว่าที่เคยคาดไว้ตอนแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 63% YoY แต่ลดลงเล็กน้อย 0.3% QoQ ใน 2Q68F ดังนั้น เราคาดว่า GPM ใน 2Q68F จะอยู่ที่ 39.6% (-7.2 ppts YoY และ -2.1 ppts QoQ) จะเป็นเพราะ i) ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากวัตถุดิบต่าง ๆ และค่าเสื่อมราคา ii) การปรับเปลี่ยนส่วนผสมผลิตภัณฑ์ไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับครัวเรือนที่มี margin ต่ำกว่า และ iii) กิจกรรมส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้น่าจะทำให้ GPM ใน 1H68F ลดลงที่ 40.7% (-5.7 ppts YoY) ซึ่งแสดงว่าสมมติฐาน GPM ทั้งปีของเราที่ 42.5% อาจสูงเกินไป แต่อย่างไรก็ดี การที่ราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์มลดลง 7-10% ในเดือนมิถุนายน เรามองว่า GPM ของบริษัทก็น่าจะฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 4Q68F เป็นต้นไป เมื่ออิงจากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราพบว่า GPM ที่เปลี่ยนแปลงไปทุก ๆ 1 ppts จะส่งผลต่อกำไรสุทธิของ NEO ราว 9%

ปรับลดกำไรปี 2568F/2569F ลง 9-10%

เราปรับลดประมาณการกำไรลง 9% ในปี 2568F และ 10% ในปี 2569F บนสมมติฐานของ i) ปรับลด GPM ลงที่ 41.1%/41.3% (จาก 42.5%/42.7%) และ ii) ปรับลดประมาณการรายได้จากการขายลงเล็กน้อยราว 1-2% ซึ่งสะท้อนถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ดี หลังจากการปรับตัวเลขดังกล่าวลงแล้ว เราคาดว่ากำไรใหม่จะอยู่ที่ 837 ล้านบาท (-16% YoY) ในปี 2568F และ 918 ล้านบาท (+10% YoY) ในปี 2569F แรงหนุนจากทั้งรายได้และ margin ดีขึ้น

Valuation & Action

หลังเราปรับลดกำไรและ de-rating PE ลงที่ 10x (จาก 12x) เพื่อสะท้อนแนวโน้มกำไรที่ชะลอลงและผลการดำเนินงานที่ยังไม่โดดเด่นใน 2Q68F-3Q68F เราจึงได้ราคาเป้าหมายปี 2568 ใหม่ที่ 27.90 บาท (จากเดิม 37.00 บาท) ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดมี upside จำกัดจากราคาเป้าหมายใหม่ของเรา เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็นเพียง “ถือ” จาก “ซื้อ”

Risks

ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว, การแข่งขันสูงขึ้น, การเปลี่ยนแปลงความชอบของลูกค้า

 

- Advertisement -