บล.พาย:
TISCO: Tisco Financial Group PCL
เงินปันผลสูง ชดเชยการเติบโตที่อ่อนแอ
คงคำแนะนำ “ถือ” และปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 102 บาท (จาก 100 บาท) คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 15.5%, Terminal growth 2%) อิง 1.9x PBV’25E หรือ +0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี (2015-2024) ด้านกำไรสุทธิใน 2Q25 ออกมาดีกว่าที่ 1.64 พันล้านบาท (-6% YoY, ทรงตัว QoQ) แม้มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2025-27 ดีขึ้น แต่คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2025 จะปรับลดลงต่อเนื่อง 4% YoY และมองว่าแนวโน้มกำไรใน 2H25 จะทรงตัว HoH แต่จะปรับลดลง YoY เพราะสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่ากำไรจะกลับมาขยายตัว 3.9% ในปี 2026 และ ROE กลับมาขยายตัว อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวใน 2H25 ยังเป็นความท้าทายต่อการเติบโตในอนาคต และคุณภาพสินเชื่อ แต่คาดว่าผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7.8% ในปี 2025 จะจำกัดความเสี่ยงราคาหุ้นผันผวนได้
การประชุมนักวิเคราะห์
- แนวโน้มใน 2H25 (1) ขยายสินเชื่อผลตอบแทนต่ำ (low yield) และชะลอสินเชื่อผลตอบแทนสูง (high yield) เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียน ขณะที่สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์จะยังขยายตัวต่อเนื่อง (2) NIM แนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากผลกระทบของโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ลดลง และต้นทุนการเงินปรับลดลงต่อเนื่อง (3) ค่าใช้จ่ายดำเนินงานแนวโน้มลดลงได้ต่อเนื่อง (4) กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) แนวโน้มลดลงเทียบกับใน 2Q ที่มีการบันทึกกำไรเพิ่มตามการปรับมูลค่าของ non-listed company ที่สูงขึ้น
- โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” มีสินเชื่อเข้าเกณฑ์รวม 13 พันล้านบาท สิ้นเดือน มิ.ย. โดยมีสินเชื่อที่จะเข้าลงทะเบียนรวม 5.2 พันลบ. (ราว 40% ของสินเชื่อเข้าเกณฑ์รวม) โดยยอดสินเชื่อรวม 4 พันลบ. ได้เข้าร่วมโครงการและมีการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว และถึงแม้จะขยายเวลาโครงการไปสิ้นสุดเดือน ก.ย. ทาง TISCO มองว่าจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจุบัน ในภาพรวม ผลกระทบจากโครงการมีผลเป็นกลางในปีแรก แต่อาจมีผลเชิงลบบางส่วนในปีที่ 2-3 เพราะรายได้ดอกเบี้ยรับจะปรับลดลงมากกว่า credit cost ที่ลดลง
- ด้วยเงินกองทุนสูง สามารถจ่ายเงินปันผลสูงต่อเนื่อง และอาจจ่าย payout ratio ได้ถึง 100%
- อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจใน 2H25 มีความท้าทายสูงขึ้นจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าไปสหรัฐฯ
ปรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2025-27 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025-27 เพิ่มขึ้น 1.6%/0.4%/0.4% จากการปรับ credit cost ลดลงราว 10 bps และปรับลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลง แต่ได้ปรับลดรายได้ค่าธรรมเนียมลงจากภาวะตลาดทุนที่ผันผวนกระทบรายได้ลดลง เราคาดว่ากำไรสุทธิจะปรับลดลง 4% ในปี 2025 ก่อนที่กำไรจะกลับมาเติบโต 3.9%/4.5% ในปี 2026-27 แม้คาดกำไรจะปรับลดลง เราคาดว่า TISCO สามารถจ่ายเงินปันผลในปี 2025 ที่ 7.75 บาท/หุ้น เท่ากับในปี 2024 เพราะสามารถเพิ่ม payout ratio สูงขึ้น สนับสนุนจากเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
สรุปผลการดำเนินงานใน 2Q25
- กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.64 พันล้านบาท (-6% YoY, ทรงตัว QoQ) ดีกว่าคาด 7% เพราะรายได้อื่นสูงกว่าคาด เกิดจากการบันทึกรายได้รับจากกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) จากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” และค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่ำกว่าคาดโดยกำไรปรับลดลง YoY จาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง (2) สำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นจากคุณภาพสินเชื่ออ่อนแอลงเล็กน้อย (3) รายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัวจากธุรกิจด้านตลาดทุนชะลอตัว
- สินเชื่อเติบโต 1.9% QoQ (1Q25: -0.4% QoQ) จากการเติบโตของสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และจักรยานยนต์ใหม่ ทำให้สินเชื่อใน 1H25 ขยายตัว 1.4% YTD
- หนี้เสียเพิ่มขึ้น 1.4% QoQ จากสินเชื่อจำนำทะเบียนล้อ ตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปราะบาง ขณะที่ NPL ratio ทรงตัว QoQ ที่ 2.4% เพราะฐานสินเชื่อที่ขยายตัว และ coverage ratio เพิ่มเป็น 154.8%
- ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลง QoQ ที่ 4.8% (-9 bps YoY, -2 bps QoQ) เพราะแม้ควบคุมต้นทุนการเงินได้ แต่อัตราผลตอบแทนสินเชื่อ (loan yield) ลดลงจากการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ และผลกระทบจากโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”
- Cost to income ratio ลดลงที่ 45.7% เนื่องจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงเป็นหลัก