ยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 231 จุด (+0.5%) ในช่วงแรกปรับตัวลง หลังมีรายงานออกมาว่าประธาน FED อาจถูกปลดออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ Trump จะปฏิเสธ ทำให้ตลาดกลับมาฟื้นตัว ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.28% ถูกกดดันจากสต็อกเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัว 2.3%YoY ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.5%YoY ขณะที่ Core PPI ขยายตัว 2.6%YoY ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.7%YoY ซึ่งหลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจข้างต้น จากนั้นก็มีกระแสข่าวจากหลายๆ สื่อใหญ่ เช่น CNBC ที่ออกมาระบุว่า Trump ได้แจ้งกับสมาชิกสภาคองเกรสที่สังกัดรีพับลิกันว่าตนจะปลด Jerome Powell ออกจากตำแหน่ง แต่ยังไม่มีช่วงเวลาที่ชัดเจนว่าจะเป็นช่วงใด แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น Trump ก็ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมระบุว่าเราไม่มีแผนที่จะทำเช่นนั้น และเรื่องนี้เป็นไปได้ยากมาก โดยรวมพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงในรุ่นอายุ 2, 10 ปี พร้อมกับทองคำที่ปรับขึ้นอย่างมีนัยยะในช่วงที่มีข่าวออกมา แต่อย่างไรก็ตามหลังจาก Trump ปฏิเสธ ทองคำก็ปรับลง
ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ๆ นักลงทุนรอติดตามผลประกอบการ 2Q25 ที่จะทยอยประกาศหลังจากนี้ ประกอบกับรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับไทย ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาทีม Thailand ได้พูดคุยกับสหรัฐฯ ผ่านทาง Online โดยยื่นข้อเสนอภาษี 0% สินค้าหลายหมื่นรายการให้กับสหรัฐฯ ซึ่งเอกชนบางกลุ่มก็มองว่าไม่เหมาะสม เพราะอาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะหากสินค้าจากสหรัฐฯ ทะลักเข้ามา ก็อาจกดดันผู้ผลิตบางรายในประเทศ เชื่อว่าเร็วๆ นี้อาจมีความชัดเจนมากขึ้นกับการเจรจาการค้าระหว่างไทย – สหรัฐฯ
ปัจจัยติดตาม คืนนี้ได้แก่ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.1%MoM และจำนวนขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.3 แสนราย และในประเทศรอติดตามการแถลงของอดีตนายกรัฐมนตรี (คุณทักษิณ ชินวัตร) ในช่วงเย็นวันนี้ จะแถลงในหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤติโลก”
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1150 – 1165 ประเมินตลาดจะเริ่มชะลอตัวจากการที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้า ผสานกับเริ่มหมดปัจจัยหนุน ปัจจัยบวกเดียวที่นักลงทุนรออยู่ได้แก่การเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หากประกาศภาษีมาในระดับต่ำกว่าเดิม เชื่อว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวก แต่อาจเป็น Upside ช่วงท้ายๆ ของการฟื้นตัว และมีโอกาสซึมตัว เพราะจะเผชิญกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากนี้ ดังนั้นเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังมองดัชนีเป็นโอกาสค่อยๆ ทำกำไร เพิ่มการถือครองเงินสด แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือก Trading ในหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อาทิ กลุ่ม Defensive (BDMS) การเงิน (MTC, SAWAD) ค้าปลีก (BJC, CPALL)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
CBG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 70.00 บาท)
แนวโน้มการขยายตลาดในประเทศยังทำได้ดีต่อเนื่อง แม้ว่าคู่แข่งจะออกขวด 10 บาท บวกกับแนวโน้มยอดขายตลาดต่างประเทศที่มีโอกาสฟื้นตัวในช่วง 2H25 ระยะสั้นคาดรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 800 ล้านบาท (+16%YoY, +5%QoQ) จากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่เติบโตแข็งแกร่ง บวกกับรายได้จัดจำหน่ายสุราข้าวหอมที่โตดีต่อเนื่อง อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นตามต้นทุนที่ปรับตัวลดลง และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น ชดเชยค่าใช้จ่ายภาษีความหวาน
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดการณ์รายได้ปี 2025 เติบโต 6% YoY โดยใน 2Q25 คาดกำไรสุทธิที่ 3.4 พันล้านบาท (+1% YoY, -22% QoQ) อ่อนตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก 1) ปัจจัยนอกฤดูกาลโรคระบาดท้องถิ่นที่ยังไม่มาก 2) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติโดยเฉพาะจีนและกัมพูชาเดินทางมารักษาลดลง 3) คาดค่าใช้จ่ายทางภาษีที่เพิ่มขึ้นจากสิทธิประโยชน์ BOI ที่น้อยลง ทั้งนี้ใน 3Q25 เรามองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวทั้ง YoY และ QoQ จาก 1) ปัจจัยฤดูกาล ด้วยจำนวนผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติมีแนวโน้มเติบโตหลังหน้าฝน 2) สัดส่วนผู้ป่วยโรคซับซ้อนที่คาดเติบโต หนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น