บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 

SAPPE (SAPPE TB)

การฟื้นตัวดูดีใน 2Q แต่ไม่ชัดเจนใน 3Q

  • คาดผลประกอบการ 2Q25 ไม่น่ากังวล โดยทั้งรายได้และกำไรน่าจะฟื้นตัว q-q
  • การลดระดับสินค้าคงคลังในสหภาพยุโรปผ่อนลงเร็วกว่าที่คาด แต่ความกังวลในสหรัฐฯ และตะวันออกกลางยังอยู่
  • เรายังแนะนำ “ถือ” เพื่อรอดูความชัดเจนของการฟื้นตัวใน 2H25 ก่อน

คาดรายได้ 2Q25 จะฟื้นตัว q-q ในทุกภูมิภาค

เราคาดว่ารายได้รวม 2Q25 จะฟื้นตัว 25% q-q โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อในทุกภูมิภาค ทั้งนี้ประเด็นการลดระดับสินค้าคงคลังในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสบรรเทาลงใน 2Q25 ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาด โดยบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติ รายได้ในทวีปอเมริกาและตะวันออกกลางน่าจะฟื้นตัว q-q หลังลดลงแรงใน 1Q25 ในขณะที่รายได้จากอินโดนีเซียและเกาหลีใต้น่าจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย q-q จากการบริโภคที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดีเราคาดว่ารายได้รวมจะลดลง 29% y-y จากฐานที่สูงในปีที่แล้ว โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป

ค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นน่าจะกดดันอัตรากำไรขั้นต้นเล็กน้อย

แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะน้ำตาล จะลดลง แต่ผลบวกน่าจะไม่สามารถชดเชยค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น (+2.2% q-q, +9.4% y-y) ดังนั้นเราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q25 จะลดลงเหลือ 45% จาก 46% ใน 1Q25 เราคาดว่าค่าใช้จ่ายรวมจะลดลง y-y เนื่องจากไม่มีค่า Presenter แต่อาจสูงขึ้น q-q จากปัจจัยด้านฤดูกาล ในปีนี้ SAPPE จะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการตลาดในแต่ละประเทศเพื่อให้สามารถจับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และใช้งบการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เราคาดกำไรสุทธิ 2Q25 อยู่ที่ 270 ลบ. (+21% q-q, -34% y-y)

สหรัฐฯ และตะวันออกกลางยังเป็นภูมิภาคสำคัญที่ต้องจับตาดู

ถ้าผลประกอบการออกมาตามคาด กำไรสุทธิ 1H25 จะคิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปีของเรา รายได้จากสหภาพยุโรปน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 3Q25 จาก High season อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ (ซึ่งคิดเป็น 5% ของรายได้รวม) ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 36% บริษัทฯ ยังมีการเจรจากับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง ในเบื้องต้นภาระภาษีนำเข้าอาจโดนส่งต่อผ่านราคาปลีกที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาของ Mogu Mogu ในสหรัฐฯ ในปัจจุบันยังต่ำกว่าคู่แข่งอยู่ 10–20% นอกจากนี้ เรายังมีความกังวลเกี่ยวกับตะวันออกกลางจากความขัดแย้งในภูมิภาค

คงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิมที่ 40 บาท

เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ของเราที่ 995 ลบ. (-21% y-y) ผู้บริหารยังตั้งเป้าว่ารายได้จะลดลง 10% ถึง 20% y-y ในปีนี้ แต่ยังเดินหน้าขยายโรงงานใหม่ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วง 1H26 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ 25–30% แม้ว่าเราจะมั่นใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวในสหภาพยุโรป เราเลือกที่จะรอให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในส่วนของผลกระทบในสหรัฐฯ และตะวันออกกลางใน 3Q25 ก่อนปรับคำแนะนำ ปัจจุบันเราคงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิมที่ 40 บาท

- Advertisement -