บล.กรุงศรีฯ:
เก่งหลังเกมส์
SET Index ทะลุ 1200 จุดแล้ว +8.47 จุด (+0.71%) ปิดที่ 1206.5 จุด ผสานกับมูลค่าการซื้อขายยังสูง 5.37 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นไทยปรับขึ้นในทิศทางเดียวกันกับประเทศในกลุ่มเอเซียส่วนใหญ่ แรงหนุนหลักมาจาก ความคาดหวังเชิงบวกจากการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย หลัง รมว. คลังได้สัญญาณตอบรับการเจรจาการค้า USTR ทางบวก มีโอกาสได้ภาษี 20%
โดย Sector ที่ปรับขึ้น นำโดย กลุ่มชิ้นส่วน DELTA กลุ่มพลังงาน PTTEP, PTT กลุ่มค้าปลีก CPALL, CRC กลุ่ม ICT (ADVANC) ฯลฯ ในทางตรงข้ามกลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีหลักๆคือ กลุ่มขนส่ง AOT, กลุ่มอสังหา CPN กลุ่มท่องเที่ยว MINT ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
PTT +1.59% , PTTEP +3.98%
กลุ่มพลังงานต้นน้ำ ปรับเพิ่มขึ้นแรงหนุนจาก ราคาน้ำมันดิบ West Texas +1.75%d-d ปิดที่ US$ 67.54/barrel แรงหนุนจากบ่อน้ำมันในแคว้นเคอร์ดิสถานของอิรักถูกโดรนโจมตีเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของอุปทานน้ำมันในภูมิภาคแห่งนี้ ผสานกับ ข่าว EU ออกชุดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียดันราคาน้ำมัน
TTA +0.92%
หุ้นเรือเทกองปรับเพิ่มขึ้นแรงหนุนจาก ดัชนีค่าระวางเรือเป็นขาขึ้น BDI +6.51%d-d +28%mtd ปิดที่ 2030 จุด
CPALL +2.15%
หุ้น Top pick ที่ KSS แนะนำเช้าวันนี้ปรับขึ้น เรายังมีมุมมองบวกต่อ หนุนจากได้ประโยชฯจากดอกเบี้ยขาลงเป็นหุ้นที่อยู่ในฐานะหนี้สูง โดยสัปดาห์หน้ามีความชัดเจนผู้ว่า BOT ตลาดเก็งโยบายการเงินวงจรดอกเบี้ยขาลงกลับมา , Valuation ไม่แพง Valuation ซื้อขาย PER25F ต่ำกว่า 13.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 14.2 เท่า CPAXT 16.7 เท่า BJC ที่ 15.4 เท่า ฯลฯ) และราคาหุ้น Laggard อิง นับตั้งแต่ต้นปี – 14.7% VS. SET Index –13%ytd ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายพื้นฐานของ CPALL ที่ 80.0 บาท
TOA +4.92%
หุ้นปรับเพิ่มขึ้นเด่น โดยเป็นหุ้นที่ KSS กลับมา Positive และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก TP25F ใหม่ 16 บาท (เดิม 12.5 บาท) จาก 1) ปรับกำไรปี 2025-27F ขึ้นเฉลี่ย 18% หลักๆจากอัตรากำไรที่ดีขึ้น ตามต้นทุนที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทอีกครั้งในปีนี้ (Tio2 ต่ำสุดใน 5 ปี, Oil linked ลดลง, บาทแข็งค่า) คาดกำไรหลัก 25F +14% ระยะสั้น คาดกำไรปกติ 2Q25F +29% y-y ขณะที่ ขณะที่ หุ้นปรับฐานมานาน และซื้อขาย PER25F 10x
BBL -1.38%
หุ้นปรับลงหลังรายงานงบ 2Q25 กำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.18 หมื่นลบ. กำไรทรงตัว y-y แต่ลดลง -6% q-q KSS ความน่าสนใจน้อยลง เพราะ i) ปันผลต่อปีต่ำสุดในกลุ่มธนาคาร dividend yield คาดที่ 6% และมีโอกาสน้อยในการปรับเพิ่ม dividend payout โดย 1H25F คาดจ่ายปันผลที่ 2 บ./หุ้น คิดเป็น dividend yield 1.4% ii) 1Q25 เห็นการตกชั้นและการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้จำนวนมาก และคาดตกชั้นต่อใน 2Q25F iii) กำไรสุทธิปี 2025F หดตัว -9% y-y มากกว่ากลุ่ม -5% y-y