บล.กสิกรไทย:
KKP งบ 2Q68 แข็งแกร่งเกินคาด กำไรสุทธิ ที่ 1.4 พันลบ. (+33% QoQ, +83% YoY) ผลประกอบการออกมาดีกว่าเราและตลาดคาดไว้ จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง และ credit cost ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ QoQ
- KKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 1.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 33% QoQ และ 83% YoY ผลประกอบการออกมาสูงกว่าที่เราคาดไว้ 38% และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ 26% สาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและการจัดการกองทุนที่แข็งแกร่งกว่าคาด และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ต่ำกว่าคาด 32bps
- กำไรครึ่งแรกปี 2568 คิดเป็น 53.5% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2568 ของเรา เราจึงมองว่ามีความเสี่ยงขาขึ้นต่อประมาณการกำไรปี 2568 และอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการ โดยรอแนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 จากการประชุมนักวิเคราะห์ในวันนี้
การเติบโตของ Non-NII ช่วยหนุนการเติบโตของ PPOP QoQ
- กำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) ไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 3.27 พันลบ. เพิ่มขึ้น 4% QoQ แต่ลดลง 14% YoY สูงกว่าที่เราคาดไว้ 8% รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิในไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้น 12% QoQ และ 24% YoY มาอยู่ที่ 1.46 พันลบ.
- หนุนโดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและการจัดการกองทุน กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนในไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้นเป็น 247 ลบ. จาก 48 ลบ.ในไตรมาส 1/2568
คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น
- KKP รายงานอัตราหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL ratio) ไตรมาส 2/2568 ที่ 4.3% ลดลง 10bps QoQ จาก NPL ratio ของสินเชื่อเช่าซื้อที่ลดลงเหลือ 3.1% จาก 3.3% ในไตรมาส 1/2568
- จากการคำนวณของเรา พบว่าอัตราการก่อตัวของ NPL ใหม่ในไตรมาส 2/2568 ลดลงเหลือ 0.7% ของสินเชื่อรวม เทียบกับ 1.6% ในไตรมาส 1/2568 สินเชื่อระยะที่ 2 (สินเชื่อด้อยคุณภาพ) ในไตรมาส 2/2568 ลดลงเป็น 6.7% ของสินเชื่อรวม จาก 7.0% ในไตรมาส 1/2568 ส่งผลให้ credit cost รวมในไตรมาส 2/2568 ซึ่งรวมถึงขาดทุนจากการขายรถยนต์ยึดคืนลดลงมาอยู่ที่ 1.68% จาก 1.98% ในไตรมาส 1/2568 จากการตั้งสำรอง ECL ที่ลดลง และขาดทุนจากการขายรถยนต์ยึดคืนที่ลดลงมาอยู่ที่ 630 ลบ. จาก 694 ลบ.ในไตรมาส 1/2568