บล.กรุงศรีฯ:
เก่งหลังเกมส์
SET Index ปิดตลาด -24.0 จุด -1.93% ปิดที่ 1218.33 จุด มูลค่าซื้อ-ขาย 5.45 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการปรับลงสอดคล้องกับฝั่งเอเซียเหนือ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จีน ฮ่องกงที่ลงในทางเดียวกัน หลักคาดแรง Sell on fact จากไทยที่ได้ดีลภาษีนำเข้าจากสหรัฐในอัตราที่ 19% ตลาดก่อนหน้าคาดไว้แล้ว โดยหุ้นที่กดดัชนีคือ กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP กลุ่มชิ้นส่วน DELTA กลุ่มขนส่ง AOT ฯลฯ หุ้นที่ขึ้นโดดเด่น คือกลุ่ม Reopening ที่ได้ประโยชน์จากไทยได้ภาษีต่ำกว่าเวียดนาม อาทิ AMATA กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าหนุนแนวโน้มต้นทุนลดลง CPF, PTTGC และกลุ่มที่มีจิตวิทยาบวกจากการที่ THAI จะกลับเข้าเทรด 4 ส.ค. คือ BBL, KTB
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
PTT -3% , PTTEP -1.98%
ปรับลงตามราคาน้ำมันดิบโลก อิง West Texas -1.06%d-d ปิดที่ US$ 69.26/barrel)
MINT -5.2%
MINT วันนี้ราคาเกิด Sell on fact หลังรายงานกำไรหลัก 2Q25 ที่ 3.4 พันล้านบาท (+6% yoy) เป็นไปตามที่เราและตลาดคาดไว้ (เราคาด 3.35 พันล้านบาท) โดยการเติบโตหลักๆ มาจากการดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงอย่างชัดเจน โดยรวมผลประกอบการ 1H25 อยู่ที่ 3.46 พันล้านบาท (+20% yoy) คิดเป็น 38% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดยเรายังคงประมาณการไว้ที่ 9.2 พันล้านบาท จากปกติ 2H25F จะคิดเป็น 60% ของทั้งปี และเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท
AMATA +1.88%
กลุ่มนิคมได้จิตวิทยาบวกจากไทยได้ระดับภาษี 19% ต่ำกว่าเวียดนาม 20%หนุนมุมมองเงินลงทุนไหลเข้าไทย หนุนยอดขายกลุ่มนิคม
BBL +0.34%, KTB +0.45%
กลุ่มธนาคาร ปรับขึ้นรับจิตวิทยาบวก 1.) THAI กลับมาซื้อขายในตลาด 4 ส.ค. เริ่มมีแรงเก็งกำไร และการบินไทยกลับเข้าซื้อ ขาย ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้หลัก ผสาน 2. ภาษีเท่าเทียมที่ไทยได้ 19% ดีกว่าเวียดนามและ EM ชาติอื่นคาดช่วยหนุน Upside ของ GDP ไทยปี 2025F คาดตลาดทยอยปรับสู่ระดับ 2.1-2.3% และ 3.ความต่อเนื่องของ Fund Flows ซึ่งธนาคารมักเป็นเป้าหลัก 4.)ช่วงกลาง ส.ค. ธนาคารจะเริ่มประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล คาดแรงหนุนด้านอื่น จะช่วยให้ธนาคารเด่นสุด