บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 

I-TAIL CORPORATION (ITC TB)

เริ่มปรับกลยุทธ์รับมือ Tariff

  • ITC เริ่มช่วยเหลือลูกค้าบางส่วนชั่วคราว ขณะที่ลูกค้าเตรียมปรับขึ้นราคาสินค้า กอปรกับปรับสูตรสินค้า และออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง
  • ระยะสั้น แนวโน้มคำสั่งซื้อ 3Q25 ยังโตต่อเนื่อง โดยเป็นการฟื้นตัวของสินค้ากลุ่ม Premium
  • เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 18 บาท และยังต้องติดตามผลกระทบแท้จริงของ tariff ต่อไป

ผู้บริหารให้วิวผลกระทบ Tariff ยังจำกัด

ปัจจุบัน ITC ใช้วิธี support ลูกค้ารายหลักใน US เช่น การให้ rebate หรืออาจลดราคาแล้วแต่กรณีไป และได้ตกลงช่วยเหลือถึงสิ้นปีนี้ เพื่อให้เวลาทุกฝ่ายปรับตัว และต้องการรักษาปริมาณขายไม่ให้ลดลง ล่าสุด ลูกค้า global brand รายใหญ่เริ่มส่งสัญญาณปรับขึ้นราคาขายปลีกใน US แล้วราว 7-9% (ไม่ได้ขึ้นราคาขายเท่า tariff 19%) ทั้งนี้ การ support ดังกล่าวจะไม่กระทบต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายของ ITC อย่างมีนัยสำคัญ

อาหารสัตว์เลี้ยงของไทยยังแข่งขันได้

ผู้บริหารมั่นใจต่อการแข่งขัน หลังภาษีไทยใกล้เคียงคู่แข่งอย่างเวียดนาม และต่ำกว่าจีน ขณะที่เวียดนามผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแตกต่างจากไทย และมี premium น้อยกว่าสินค้าไทย รวมถึงขนาดตลาดของไทยใหญ่กว่าเวียดนาม 8-10 เท่า ผู้บริหารยังไม่กังวลต่อความเสี่ยงกรณีลูกค้าย้ายคำสั่งซื้อกลับไปที่ US เพราะ 1) สินค้าแตกต่างกัน ไทยผลิตสินค้า premium กว่า 2) อาหารสัตว์เลี้ยงที่ไทยผลิตยังใช้แรงงาน ส่วน US เน้นใช้เครื่องจักร (ผลิต dry pet food เยอะ) และ 3) อัตรากำไรของ chain อาหารสัตว์เลี้ยงใน US ค่อนข้างสูง กอปรกับจะทำการปรับสูตรและปรับน้ำหนักของสินค้าต่อไป เพื่อลดผลกระทบของ tariff

แนวโน้มคำสั่งซื้อ 3Q25 ยังโตดี

ระยะสั้น แนวโน้มคำสั่งซื้อใน 3Q25 จะโตต่อ q-q มาจากทั้งลูกค้า US และ EU เบื้องต้นมี secured orders ราว 85% ของเป้าแล้ว และส่วนหนึ่งมาจากสินค้าใหม่กลุ่ม premium คาดสัดส่วน premium mix ใน 2H25 จะกลับมาสูงเกิน 50% อีกครั้ง (จาก 46.3% ใน 2Q25) หลังจากนี้คาดเห็นกลยุทธ์ออกสินค้าใหม่มากขึ้นของลูกค้าเพื่อปรับโครงสร้างราคาขายให้สะท้อน 19% tariff หากเป็นไปตาม guidance ของผู้บริหาร เราคาดกำไร 3Q25 จะปรับขึ้นต่อเนื่อง q-q แต่ยังลดลง y-y เพราะบาทแข็งค่า และมีค่าใช้จ่าย transformation cost

กลยุทธ์ปรับตัวเป็นรูปธรรม แต่ยังต้องติดตามผลกระทบแท้จริงต่อไป

ผู้บริหารคงเป้ารายได้สกุลบาทปี 2025 โต 3-5% y-y และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในกรอบ 23-25% และอยู่ระหว่างพิจารณาดีล M&A โดยใน 2Q25 เริ่มคุยแล้ว 3 ดีล เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาด North America ซึ่งมีมูลค่าอาหารสัตว์เลี้ยงใหญ่สุดในโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 44% คาดลุ้นดีลสำเร็จในปี 2026 แม้เราเริ่มเห็นกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อการลดผลกระทบของ tariff แต่เรายังต้องติดตามผลกระทบต่อกำลังซื้อใน US ต่อไป เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2026 ที่ 18 บาท (อิง PE เดิม 15x) ประกาศจ่ายปันผลงวด 1H25 หุ้นละ 0.4 บาท คิดเป็น Yield 2.7%

 

- Advertisement -