ยิ่งปรับขึ้นยิ่งน่ากังวลจาก Valuation ที่เริ่มแพง

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 61.9 จุด (-0.14%) ท่ามกลางความวิตกกังวลผลกระทบมาตรการภาษีที่อาจมีผลต่อสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.6% กังวลกับอุปสงค์และอุปทานจะเร่งตัวขึ้นหลังจากที่ OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังการผลิต

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานดัชนี ISM PMI ภาคบริการที่ระดับ 50.1 แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 51.5 รายละเอียดภายในพบว่าคำสั่งซื้อใหม่การจ้างงานต่ำกว่าระดับ 50 แต่อย่างไรก็ตาม มีบางอุตสาหกรรมที่การจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อสังหาฯ ขนส่ง ค้าปลีก การเงิน และข้อมูลข่าวสาร โดยรวมแล้วทำให้ US Bond Yield ปรับขึ้นมาเล็กน้อย แต่ Dollar Index ทรงตัว ในขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ได้เผยดุลการค้าพบว่าขาดดุลที่ 60.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ขาดดุล 62.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากก่อนหน้าปรับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยหนุนเกี่ยวกับเจรจาการค้าไปแล้ว ปัจจุบันนักลงทุนกำลังให้น้ำหนักกับผลประกอบการที่ทยอยรายงานออกมา

ด้านปัจจัยในประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง ม.ค. – 3 ส.ค. พบว่าสะสมที่ 19.5 ล้านราย (-6.5%YoY) โดยนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 2.73 ล้านราย และมาเลเซียเป็นอันดับสองที่ 2.7 ล้านราย แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณารายสัปดาห์พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 9.7 หมื่นราย (-5.2%WoW) มาเลเซีย (-8.6%WoW) อินเดีย (-13.9%WoW) ทำให้ภาพรวมในสัปดาห์ก่อน -5.2%WoW เมื่อผสานกับจำนวนนักท่องเที่ยว YoY ที่ยังติดลบ จึงสร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยา ต่อทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน

วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1240 – 1260 ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า รับปัจจัยบวกเจรจาการค้า แต่หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ แย่กว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ทำให้กระแสเงินไหลกลับมายังเอเชีย สอดคล้องกับการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ Month To Date ซื้อสะสมสุทธิ 2.77 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้วย Valuation ที่เริ่มแพง ล่าสุดซื้อขายที่ Forward PE 13.8x ประกอบกับยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นยัง Trading ได้เกาะไปกับกระแสเงินทุนแต่ก็ไม่ประมาทกับ Valuation ที่สูงโดยเน้นเลือกหุ้น Laggard Play วานนี้เริ่มเห็นหุ้นที่อยู่โซนล่างถูกหยิบมาเก็งกำไร แนะนำ CPALL KTB KBANK BDMS MINT BJC ICHI

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 78.00)

คาดรายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 6.7 พ้นล้านบาท (+8%YoY, -11%QoQ) หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 20 bps YoY แม้คาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 จะชะลอตัวเล็กน้อย YoY ที่ 0.5% และ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 10 bps Yoy

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00)

คาดกำไรปกติใน 2Q25 โดอยู่ที่ 3 3 พันล้านบาท (+1% YoY) ได้รับอานิสงส์จากการะดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง (-20% YoY) โดยถึงแม้รายได้ธุรกิจหลักคาดทรงตัวที่ 4.3 หมื่นล้านบาท (-1% YoY, +21% QoQ) ธุรกิจโรงแรม ยุโรปในสกุลเงินท้องถินยังคงเติบโตดีด้วยปัจจัยฤดูกาล

- Advertisement -