บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)*
ขาดปัจจัยกระตุ้น
Event: ประชุมนักวิเคราะห์ และ ขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H69
Impact
ยังไม่มีสัญญาณว่าการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น โดย same-store-sales ยังคงติดลบต่อเนื่อง
HMPRO ยังไม่เห็นสัญญาณว่ากำลังซื้อจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยที่อยู่ในขาลง (โดยลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ห้าที่ 52.7 ในเดือนมิถุนายน 2568) ถึงแม้ว่า same-store-sales QTD จะติดลบน้อยกว่าใน 2Q68 (-8.8%) แต่ก็ยังหดตัวในระดับเลขตัวเดียวกลาง ๆ โดยอุปสงค์การซ่อมแซมบ้านหลังแผ่นดินไหวในเดือนมีนาคมหักล้างไปบางส่วนกับอุปสงค์ที่อ่อนแอจากผู้ใช้ขั้นสุดท้าย (end-users) ในขณะเดียวกัน บริษัทยังคงวางจำหน่ายสินค้า และ บริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางที่แตกต่างกันไป เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศในธุรกิจของบริษัท และ คาดว่าจะช่วยสร้างอุปสงค์ให้กับสินค้าของบริษัท
คาดว่าจะชะลอตัวตามฤดูกาลใน 3Q68 แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน 4Q68
ถึงแม้ว่า same-store-sales จะติดลบน้อยลง QTD แต่ปัจจัยฤดูกาลน่าจะมีน้ำหนักมากกว่า และ เราคาดว่ากำไรในใน 3Q68F จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ แต่เรามองว่ากำไรน่าจะฟื้นตัว QoQ ได้ในไตรมาสที่สี่ซึ่งเป็นช่วง high season อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง เราจึงคาดว่ากำไรจะยังคงลดลง YoY และ เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2568F จะลดลง 3% YoY กำไรจะกลับมาโตในระดับปกติจากนี้ไป เพราะบริษัทเข้าสู่ช่วงอิ่มตัวแล้ว เราคาดว่าในระยะต่อไปบริษัทจะใช้กลยุทธ์การขยายสาขาร้าน (HomePro/MegaHome), สินค้า house brand และ คุมต้นทุน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า HMPRO เข้าสู่ช่วงอิ่มตัวแล้ว โดยกำไรสุทธิโต 20.4% CAGR (ปี 2547-2562) และ ยอดขายโต 13.2% CAGR (ปี 2547-2562) (Figure 6) ก่อนที่กำไรจะโตลดลงเหลือเพียง 1% CAGR และ ยอดขายโตลดลงเหลือเพียง 1.5% CAGR ในช่วงปี 2562-2567 ทั้งนี้ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้อานิสงส์จากการขยายสาขาร้าน (จาก 18 ร้านเป็น 136 ร้าน (Figure 8)), อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น (จาก 21.2% เป็น 26.8% (Figure 9)), และ การคุมต้นทุน (สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 17.7% เป็น 19.6% (Figure 11)) เราคิดว่ายอดขาย และ กำไรของ HMPRO ไม่น่าจะโตได้ในระดับสองหลักเหมือนช่วงปี 2548-2555 (Figure 5) และ น่าจะโตได้ในระดับหลักเดียวจากนี้ไป
Valuation & Action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H69F ที่ 7.30 บาทจากเดิม 7.20 บาท อิงจาก PER ที่ 15.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก -1.0 S.D.) เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” HMPRO เนื่องจาก i) เราคาดว่ากำไรจะไม่น่าสนใจใน 3Q68 ซึ่งเป็นช่วง low season และ คาดว่าผลประกอบการจะอ่อนแอในปี 2568 (-3% YoY) ii) ยังไม่เห็นสัญญาณการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน iii) คาดว่ากำไรจะโตในระดับปกติเพราะบริษัทเข้าสู่ช่วงอิ่มตัวแล้ว และ iv) ราคาเป้าหมายของเราเหลือ upside จำกัดจากราคาปิดล่าสุด
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาได้ต่ำกว่าเป้า, ราคาพืชผลอ่อนแอ, ภัยธรรมชาติ, สินค้าค้างสต็อกเป็นจำนวนมาก