KS Daily View 13.08.2025 >>> ตลาดยังให้ความสำคัญ กับผลประกอบการ บมจ. คาด SET วันนี้ 1,245–1,275 แนะนำ GFPT และ KTB

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดดัชนีตลาด SET Index ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,240 – 1,275 มองแนวโน้มหลักของดัชนีเป็นการปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี ระยะสั้นอาจต้องระวังความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้น หลังดัชนีปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. โดยปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน ตอบรับข่าวบวกทั้งเรื่องสงครามการค้าที่สุดท้ายไทยเจรจาสำเร็จได้อัตราภาษีนำเข้าเท่ากับประเทศอื่นในภูมิภาคที่ 19% ทำให้ความเสี่ยงเรื่องเกิด technical recession ในไทยลดลง ขณะที่ด้านความรุนแรงจากประเด็นความขัดแย้งที่ชายแดน ไทย – กัมพูชา ก็เบาลงอย่างน้อยในช่วงสั้น รวมถึงล่าสุดความหวังเรื่องมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของ ธปท. และ Fed โดยเฉพาะหลังทางกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยติดลบต่อเนื่อง 4 เดือนติด และในส่วนของสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างนอกภาคการเกษตรและอัตราเงินเฟ้อต่ำคาด หนุนให้เกิดความคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1259.07 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.34% จากสัปดาห์ที่ผ่านหนุนโดยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มขนส่ง, โรงพยาบาล,และกลุ่มการเงิน ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway อยู่ในกรอบ 1,245–1,275 จุดหลังปรับตัวขึ้นใกล้กับ SET index target ที่ 1,275 จุดและคาดว่าตลาดยังคงให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการ 2Q25 ของบริษัทจดทะเบียน แนะนำ GFPT และ KTB

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1) สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ Headline CPI สำหรับเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.7% YoY และ 0.2% MoM ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.8% YoY แม้ด้าน Core CPI เพิ่มขึ้น 3.1% YoY และ 0.3% MoM สูงกว่าที่ตลาดมองที่ 3.0% YoY และแตะระดับสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน แต่ตลาดมองด้วยตัวเลขจ้างงานอ่อนแอและเงินเฟ้อไม่ได้เร่งตัวแรงแบบที่กังวลก่อนหน้าหนุนให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยในช่วงเดือน ก.ย.

2) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เลื่อนการขึ้นภาษีสินค้าจีนระดับสูงของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน จากเดิมที่จะมีผล 12 ส.ค. ไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน หลังการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กรุงสตอกโฮล์มปลายเดือนก.ค. ในขณะเดียวกันได้มีการเปิดช่องให้ Nvidia ขายชิป AI รุ่นย่อส่วนให้จีน พร้อมมีข้อตกลงแบ่งรายได้ 15% ให้รัฐบาลสหรัฐฯ มองเป็น sentiment เชิงบวกกับกลุ่ม Electronics อย่าง DELTA KCE HANA

3) ราคาถั่วเหลืองสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้จีนเพิ่มการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เป็นสี่เท่าก่อนเส้นตายสงบศึกภาษี โดยขยายเส้นตายออกไปอีก 90 วัน อย่างไรก็ตาม จีนยังมีสต๊อกกากถั่วเหลืองล้นและมีการนำเข้าจากบราซิลมากกว่าสหรัฐ โดยปีที่ผ่านมาจีนได้ซื้อถั่วเหลือง 105 ล้านตัน คิดเป็น 1 ใน 4 ของการนำเข้ามาจากสหรัฐฯ มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับ Livestock business อย่าง CPF BTG GFPT และ TFG

4) EIA คาดการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปี 2025 พุ่งสถิติใหม่ 13.41 ล้านบาร์เรล/วัน ก่อนลดครั้งแรกในรอบ 5 ปี เหลือ 13.28 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2026 เพราะราคาน้ำมันตกต่ำ พร้อมปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์ปีหน้าเหลือ 51 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะกดราคาน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ต่ำกว่า 2.90 ดอลลาร์/แกลลอน และคาดว่าคงคลังเชื้อเพลิงกลั่นปี 2025 จะต่ำสุดในรอบ 25 ปี มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยต่อ PTTEP

5) อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2025 ซึ่งจะสิ้นสุด 30 ก.ย. มีแนวโน้มไม่ถึงเป้าหมาย โดยงบลงทุนไม่รวมงบกลางก่อหนี้ได้เพียง 78% และเบิกจ่ายจริง 57% ต่ำกว่าเป้าหมายเดือน ส.ค. ที่ 92% และ 71% ตามลำดับ ขณะที่งบประมาณรวมก่อหนี้แล้ว 83% และเบิกจ่ายจริง 78% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 93% และ 87% มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบกับ GLOBAL และ DOHOME

Daily pick

GFPT : ราคาพื้นฐาน 13.40 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ GFPT จากการคาดการณ์กำไรใน 2Q25 ที่ระดับ 591 ล้านบาทเติบโตราว 1.4% และคาดการณ์ผลประกอบการใน 3Q25 ยังคงรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเราคาดว่า ราคาขายไก่ใน EU จะปรับตัวดีขึ้นราว 6% ในครึ่งหลังของปี 2025 พร้อมกับต้นทุนการเลี้ยงที่ปรับตัวลดลงจากการนำเข้าถั่วเหลืองเลี้ยงสัตว์ในเดือน กค ที่ผ่านมา พร้อมกับเราคาดการณ์ว่าหากประเทศไทยมีการนำเข้าข้าวโพดจาก US ที่เป็นส่วนหนึ่งของ deal US reciprocal tariffs ก็จะมีต้นทุนที่ถูกลงราว 15-20% เทียบกับการนำเข้าจากเพื่อนบ้านหรือราคาในประเทศ ซึ่งจะมี upside เพิ่มเติมต่อประมาณการกำไรราว 5-10%

KTB: ราคาพื้นฐาน 26.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KTB จากแนวโน้มกำไรใน 2H25 จะปรับตัวดีขึ้น HoH โดยมีแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) จะลดลงต่อเนื่อง และ กำไรจากการลงทุนใน THAI ประกอบกับ การกลับรายการ ECL อาจเป็นแรงหนุนระยะสั้นต่อความสามารถในการทำกำไรใน 2H25 อีกทั้งเชื่อว่า KTB ยังคงมีโอกาสในการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล ขณะที่ผู้บริหารกำลังพิจารณาทั้งอัตราการจ่ายเงินปันผลที่เหมาะสมซึ่งให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจแก่ผู้ถือหุ้น และโอกาสในการซื้อหุ้นคืนในอนาคต โดยเราคงสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 50% โดยทุก ๆ การเพิ่มขึ้น 5% ของอัตราการจ่ายเงินปันผลจะช่วยเพิ่มอัตราตอบแทนจากเงินปันผลอีก 70bps ต่อปี

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามการประชุม กนง. ของไทย โดยตลาดคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps เหลือ 1.50% จากครั้งก่อนหน้าที่ 1.75%
  • วันพฤหัสบดี ติดตามตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไตรมาสที่สองปี 2025 ครั้งที่สองของโซนยุโรปตลาดคาดที่ +1.4% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +2.3% YoY ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.25 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.26 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตาม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของจีน (China Industrial production) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +6.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +6.8% YoY และ ดัชนียอดค้าปลีก (China Retail sales) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +4.6% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +4.8% YoY ปิดท้ายด้วยดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail Sales) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.6% MoM ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -