บล.ทรีนีตี้:
นอร์ทอีส รับเบอร์ – NER
กำไรใน 2Q25 ที่ 554 ล้านบาท +15% YoY, -9% QoQ อ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล แนวโน้ม 3Q25 อาจจะอ่อนตัวลงต่อจากราคาขายที่ลดลง
- คงคำแนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท อิง Avg PER 4.5 เท่า แนวโน้มกำไรอาจจะชะลอลงในช่วงถัดไป
- NER รายงานกำไรใน 2Q25 ที่ 554 ล้านบาท +15% YoY, -9% QoQ โดยไตรมาสนี้มี Fx and Hedging gain อยู่ราว 65 ล้านบาท ถ้าไม่นับรวมรายการดังกล่าว กำไรปกติอยู่ที่ 489 ล้านบาท -0.6% YoY, -18% QoQ ปริมาณขายไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.1 แสนตัน +24% YoY, -12% QoQ โดยลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล
- แนวโน้ม 3Q25 กำไรปกติอาจจะอ่อนตัวลงตามราคาที่มีการปรับลดลง ในขณะที่ปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ แต่อาจจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยได้ และอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น
- ทั้งนี้ กำไรปกติใน 1H25 คิดเป็น 60% ของประมาณการทั้งปีของเรา ซึ่งเราคงมุมมองเชิง Conservative ในเรื่องราคายางในประมาณการไปแล้ว
Result Preview:
NER รายงานกำไรใน 2Q25 ที่ 554 ล้านบาท +15% YoY, -9% QoQ โดยไตรมาสนี้มี Fx and Hedging gain อยู่ราว 65 ล้านบาท ถ้าไม่นับรวมรายการดังกล่าว กำไรปกติอยู่ที่ 489 ล้านบาท -0.6% YoY, -18% QoQ
- ปริมาณขายไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.1 แสนตัน +24% YoY, -12% QoQ โดยลดลง QoQ ตาม
ปัจจัยฤดูกาล - Gross Margin อยู่ที่ 10.5% ทรงตัว QoQ แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยจะมีการปรับลดลง
QoQ
แนวโน้ม 3Q25 อาจจะอ่อนตัวจากราคาที่ปรับลดลง
แนวโน้ม 3Q25 กำไรปกติอาจจะอ่อนตัวลงตามราคาที่มีการปรับลดลง ในขณะที่ปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ แต่อาจจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยได้ ทั้งนี้ผู้บริหารมีการปรับเป้าหมายจาก 5 แสนตันเหลือ 4.7 แสนตัน ทั้งนี้ กำไรปกติใน 1H25 คิดเป็น 60% ของประมาณการทั้งปีของเรา ซึ่งเราคงมุมมองเชิง Conservative ในเรื่องราคายางในประมาณการไปแล้ว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้คลังสินค้าที่เกิดขึ้น ซึ่งเรายังไม่ได้รวมในประมาณการของเรา โดยคาดว่าอาจจะมีค่าเสียหาย 200-400 ล้านบาท แต่บริษัทมีประกันภัยที่ครอบคลุม และอาจจะได้เงินประกันภัยในช่วงไตรมาส 3-4 นี้
ผู้บริหารยังคงมุ่งมั่นจะขยายกำลังการผลิต
ผู้บริหารยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายกำลังการผลิต ในการลงทุนสร้างโรงงานแห่งที่ 3 กำลังการผลิตอีกกว่า 3 แสนตันต่อปี เงินลงทุน 1.4 พันล้านบาท ซึ่งต้องรอการพิจารณาของบอร์ดในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งถ้าผ่านมติ คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตได้ใน 3Q26 ในเฟสแรก โดยผู้บริหารยังมองว่าความต้องการยางพารายังเติบโตตามอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่เติบโตในระยะยาว แม้ระยะสั้นอาจจะมีเรื่องสงครามการค้าบ้าง
คงราคาเป้าหมาย 4.50 บาท
คงคำแนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท อิง Avg PER 4.5 เท่า แนวโน้มกำไรอาจจะชะลอลงในช่วงถัดไป
ความเสี่ยง: ความผันผวนของราคายาง ปริมาณขายรถยนต์ และสงครามการค้า