KS Daily View 22 ส.ค. 2025>>> คาด SET Index จะแกว่งตัว sideway ในกรอบ 1,230-1,260 จุด โดยที่ตลาดยังไม่ปัจจัยบวกที่ชัดเจนเข้ามาทั้งในและต่างประเทศ ในขณะเดียวกันคาดว่าตลาดกลับมาสนใจ ประเด็นทางการเมืองในคดีของนายกรัฐมนตรี แนะนำ KLINIQ และ KCE
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 0.40%, Nasdaq Composite ลดลง 0.34%, และ Dow Jones ลดลง 0.34% จากนักลงทุนกังวลว่าประธานเฟดจะออกแถลงการณ์ในวันศุกร์ด้วยท่าทีแข็งกร้าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดความผันผวน ขณะที่ผลประกอบการรายไตรมาสของวอลมาร์ทออกมาต่ำกว่าประมาณการและถูกตั้งข้อสังเกตว่าต้นทุนจากภาษีศุลกากรสูงขึ้น
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,244.79 จุด ลดลง 3.34 จุด (-0.27%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มขนส่ง, กลุ่มธนาคาร, และกลุ่มสื่อสาร ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นโดดเด่นบนความคาดหวังของ spread ที่จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคตหลังเกาหลีใต้และจีนประกาศควบคุมลด supply การผลิตลง ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัว sideway ในกรอบ 1,230-1,260 จุด โดยที่ตลาดยังไม่ปัจจัยบวกที่ชัดเจนเข้ามาทั้งในและต่างประเทศ ในขณะเดียวกันคาดว่าตลาดกลับมาสนใจ ประเด็นทางการเมืองในคดีของนายกรัฐมนตรีหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ เลื่อนกำหนดวันให้คู่กรณียื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีเร็วขึ้นเป็น 25 ส.ค. จากเดิม 27 ส.ค. แต่ยังคงกำหนดวันนัดอ่านคำวินิจฉัยตามเดิม 29 ส.ค. ที่อาจส่งให้ตลาดกลับมาผันผวนในช่วงระว่างรอคำตัดสิน
ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรใน 2H25 อย่าง KLINIQ และ KCE
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี แสดงความไม่มั่นใจว่าการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.จะเกิดขึ้นจริง โดยย้ำว่ายังต้องการข้อมูลชัดเจนและยังมีงานต้องทำเพื่อกดเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย 2% เนื่องจากปัจจุบันมีแนวโน้มใกล้ 3% มากกว่า ขณะที่นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ คือเดือนก.ย.และธ.ค. โดยข้อมูลจาก FedWatch Tool ชี้โอกาส 79.2% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย. และอีก 0.25% ในเดือนธ.ค.
- กพช. มีมติเห็นชอบกำหนดค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2025 ที่ 3.94 บาท/หน่วย พร้อมมอบหมาย สนพ.และ กกพ.ทบทวนสิทธิส่วนลดค่าไฟบ้านอยู่อาศัยเพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้ส่วนใหญ่และกำหนดอัตราสำหรับการใช้เกิน 400 หน่วย/เดือนอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีมติขยายอายุการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าน้ำพองชุดที่ 1-2 ออกไปอีก 6 ปี เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าและช่วยลดต้นทุนการผลิต รวมถึงเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะบางเครื่องออกไปถึงปี 2574-2591 ควบคู่กับการปรับปรุงเครื่องที่ 12 และ 13 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าเอฟทีได้ราว 3.67 สตางค์ต่อหน่วย มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับ GPSC BGRIM
- ONYX Hospitality Group ประเมินว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเที่ยวไทยเต็มที่จนถึงปี 2026 เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังซบเซาจากปัญหาภายในประเทศและสงครามภาษีกับสหรัฐฯ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมไทยยังเผชิญรายได้ลดลงและต้องเน้นรักษาสภาพคล่อง โดยปี 2025 คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะปิดที่ราว 30 ล้านคน ต่ำกว่าคาดการณ์ของ ททท. ที่ 35 ล้านคน และรายได้ติดลบ 10% จากปีก่อน มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL ERW SHR AAV BA
- สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงการค้า โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรปจาก 27.5% เหลือ 15% ย้อนหลังตั้งแต่ 1 ส.ค. หาก EU ลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรจากสหรัฐฯ ข้อตกลงยังรวมการเปิดตลาดสินค้าเกษตร พลังงาน และ AI ของสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนยุโรปในสหรัฐฯ แม้ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 50% จะยังคงอยู่ แต่ทั้งสองฝ่ายมองว่านี่คือความสำเร็จทางประวัติศาสตร์ มองเป็นบวกกับ KCE
- จีนสั่งระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากอาร์เจนตินาตั้งแต่ 20 ส.ค. หลังอาร์เจนตินายืนยันพบไข้หวัดนก HPAI ในฟาร์มเชิงพาณิชย์และหยุดส่งออกชั่วคราว โดยจะกลับมาส่งออกได้หากไม่พบการระบาดเพิ่มภายใน 28 วัน ทั้งนี้ จีนยังระงับนำเข้าจากบราซิลและสเปนด้วยเหตุไข้หวัดนกเช่นกัน มองเป็นบวกกับ GFPT
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- KLINIQ : ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกกับ KLINIQ จาก ยอดขายเงินสดเดือนก.ค. ยังทำได้ดีหนุนให้ แนวโน้มยอดขายเงินสด 3Q25 น่าจะสูงกว่า 2Q25 อีกทั้งคาดรายได้และอัตรากำไรจะดีขึ้นใน 2H25 ซึ่งธุรกิจเรือธง LabX เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักด้วยยอดขายเงินสดที่สูงขึ้นจากการขยายสาขาและรายได้ต่อสาขาที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาใหม่ 4 แห่งในไตรมาสนี้ และอีก 1 แห่งใน 4Q25 ทั้งนี้ KLINIQ ผ่านคุณสมบัติการย้ายจากตลาดฯ MAI ไป SET ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ภายในสิ้นปีนี้
- KCE: ราคาพื้นฐาน 27.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกกับ KCE จากแนวโน้มกำไรที่จะฟื้นตัวใน 2H25 ซึ่งแนวโน้มกำไร 3Q25 เป็นบวกหลังกำไรถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวหลายรายการ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและการรวมสำนักงานขายในสหราชอาณาจักรและเยอรมนี อุปสงค์ที่อ่อนลงจากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และเงินบาทแข็งค่า การซื้อกิจการสำนักงานขายสองแห่งยังทำให้ต้องตัดสินค้าคงเหลือทางบัญชี ส่งผลให้การรับรู้รายได้ล่าช้าราว 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/ไตรมาส ใน 1H25 เราคาดว่าผลกระทบเหล่านี้จะหมดไปใน 2Q25 ซึ่งจะหนุนกำไรราว 30-40 ลบ. นอกจากนี้ยังมี upside จากปริมาณคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้กำลังการผลิตราว 5% และเพิ่ม GPM
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.1% YoY ลดลงเดือนก่อนหน้าที่ +3.3% YoY ด้วยถ้อยคำแถลงการณ์ของประธานเฟดอย่าง Jerome Powell ในงาน Jackson Hole ที่ไวโอมิง ในแนวโน้มเศรษฐกิจและกรอบนโยบายการเงิน