KS Daily View 26.08.2025 >>> ตลาดรอความชัดเจนการเมือง 29 ส.ค. นี้ มองกระทบกับ GDP ไม่มาก กรอบ SET วันนี้ 1,245-1,275 จุด แนะนำ GFPT และ CK

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 0.43%, Nasdaq Composite ลดลง 0.22%, และ Dow Jones ลดลง 0.77% โดยนักลงทุนรอคอยผลประกอบการของ Nvidia และแนวทางการเติบโตของบริษัทในไตรมาสที่เหลือ รวมไปถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่ชี้วัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้ประกอบการตัดสินใจการปรับนโยบายการเงิน

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,262.67 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด (+0.4%) จากการปรับตัวขึ้นของกลุ่มพลังงาน, กลุ่มค้าปลีก, และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งอยู่ในกรอบ 1,245-1,275 จุด โดยที่ตลาดยังคงรอความชัดเจนประเด็นทางการเมืองในคดีถอดถอนนายกจากกรณีทำผิดจริยธรรมในวันที่ 29 ส.ค. นี้ ขณะที่ในเชิงพื้นฐานอาจกระทบต่อ GDP ไม่มาก เนื่องจากร่างงบประมาณปี 69 ได้ผ่านวาระ 2 และ 3 แล้ว ดังนั้นการเบิกจ่ายมองอาจไม่ได้กระทบมาก ในขณะเดียวกันด้วยภาพของการส่งออกจากประทรวงพาณิชย์ เดือน ก.ค. ออกมาดีกว่าที่คาด อาจส่งภาพเชิงบวกกับกลุ่มส่งออก และอาจเห็นมีการปรับประมาณการตัวเลขส่งออกปี 2025ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไก่แช่แข็งและแปรรูป รวมไปถึงอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตต่อเนื่อง ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรใน 2H25 อย่าง GFPT และ CK

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ส.อ.ท. เผยยอดผลิตรถยนต์ไทยเดือนก.ค. 2568 ลดลง 11.39% YoY เหลือ 110,616 คัน โดยส่งออกหดตัวแรงจากการเลิกผลิตรถใช้น้ำมันบางรุ่น แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะเริ่มส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า 167 คัน ขณะที่ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 5.84%YoY ต่อเนื่อง 4 เดือน แม้ยอดรวม 7 เดือนยังติดลบ 0.74% YoY ขณะที่การส่งออกลดลง 13.27% YoY สาเหตุจากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งใช้น้ำมันบางรุ่นเพื่อเปลี่ยนโฉมและการเข้มงวดมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศคู่ค้า มองเป็นลบกับ AH และ SAT
  1. นายกสมาคมแอตต้าเปิดเผยว่า ชี้ภาคท่องเที่ยวไทยเผชิญการแข่งขันรุนแรงจากคู่แข่งโดยตรงอย่างเวียดนาม รวมถึงจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน โดยเฉพาะเวียดนามที่ลงทุนจริงจัง ทำให้โรงแรมใหม่ราคาถูกกว่าไทย 20-30% และมีความสดใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น ขณะที่ไทยแม้มีแหล่งท่องเที่ยวดีแต่ขาดการพัฒนา ค่าใช้จ่ายสูง ความสดใหม่ลดลง และยังมีปัญหาความปลอดภัย ทั้งนี้ ได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลจัดงบส่งเสริมท่องเที่ยวมากขึ้น มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มท่องเที่ยว
  1. กระทรวงพาณิชย์เผยการส่งออกไทยเดือน ก.ค. 2568 มูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โต 11% YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 หนุนยอดสะสม 7 เดือนแรกบวก 14.4% YoY หนุนโดยการเติบโตของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบที่ยังเติบโตในระดับสูง ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าเกษตรยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะผลไม้แช่แข็ง สัตว์ปีกแช่แข็ง/แปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และน้ำตาลอ้อย ซึ่งการส่งออกสัตว์ปีกแช่แข็ง/แปรรูปได้ประโยชน์จากการนำเข้าของจีน หลังจากที่จีนได้จำกัดการนำเข้าไก่แช่แข็ง/แปรรูป จากบราซิลและอาร์เจนตินา มองเป็นบวกกับ KCE HANA DELTA ITC GFPT
  1. ยูเครนเพิ่มการโจมตีโดรนต่อโรงกลั่นน้ำมันรัสเซีย กดดันเศรษฐกิจหลักของปูตินและสร้างแรงต่อรองการเจรจาสันติภาพ การโจมตี 10 โรงกลั่นทำให้กำลังผลิตเสียหาย 17% เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในหลายพื้นที่ท่ามกลางความต้องการภายในสูงขึ้น ขณะที่รัสเซียยังคงสามารถรับมือกับมาตรการคว่ำบาตรได้แต่ส่งผลให้การเติบโตชะลอตัว และรายได้จากน้ำมันก๊าซกำลังถูกบั่นทอนจากสงครามโดรน มองเป็นบวกเล็กน้อยกับ PTTEP TOP BCP SPRC BSRC
  1. สภาพัฒน์เตือนปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยยังเป็น “ระเบิดเวลา” ต่อเศรษฐกิจ หลังประชาชนหันไปกู้ผ่านแอปฯ และใช้บริการ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” (BNPL) แม้กระทั่งซื้ออาหารและเติมน้ำมัน ทำให้หนี้ขยายตัวเร็ว นอกจากนี้ยังพบว่าสัดส่วนการกู้เงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์สูงถึง 15% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด แต่ไม่ถูกรวมในระบบเครดิตบูโร ส่งผลให้การประเมินหนี้ครัวเรือนต่ำกว่าความจริง

Daily pick

GFPT : ราคาพื้นฐาน 13.40 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ GFPT หลังรายงานกำไรใน 2Q25 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์หนุนโดย GPM ที่ดีกว่าคาดด้วยต้นทุนที่ปรับตัวลดลง และคาดการณ์ผลประกอบการใน 3Q25 ยังคงรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเราคาดว่า ราคาขายไก่ใน EU จะปรับตัวดีขึ้นราว 6% ในครึ่งหลังของปี 2025 พร้อมกับต้นทุนการเลี้ยงที่ปรับตัวลดลงจากการนำเข้าถั่วเหลืองเลี้ยงสัตว์ในเดือน กค ที่ผ่านมา พร้อมกับเราคาดการณ์ว่าหากประเทศไทยมีการนำเข้าข้าวโพดจาก US ที่เป็นส่วนหนึ่งของ deal US reciprocal tariffs ก็จะมีต้นทุนที่ถูกลงราว 15-20% เทียบกับการนำเข้าจากเพื่อนบ้านหรือราคาในประเทศ ซึ่งจะมี upside เพิ่มเติมต่อประมาณการกำไรราว 5-10%

CK : ราคาพื้นฐาน 21.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อเนื่องกับ CK ภายหลังรัฐสภามีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ overhang เรื่องของความเสี่ยงทางการเมืองต่องบประมาณหยุดชะงักหมดไปเราคาดว่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มก่อสร้าง และนอกจากนี้งบ CK ที่ออกมาดีกว่าที่เราคาดราว 23.7% มาจากรายได้และอัตรากำไรที่สูงกว่าคาดนอกจากนี้ยังได้ผลเชิงบวกจาก CKP ที่อยู่ในฤดูน้ำเช่นกัน เราคาดรายได้ใน 2H25 จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากการรับรู้โครงการใหม่และคาดว่าจะสามารถได้โครงการใหม่เช่น รถไฟความเร็วสูงไทยจีนเฟส 2 และ โครงการทางด่วนdouble-deck เช่นกัน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตามยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -3.9% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -9.4% MoM ต่อด้วยดัชนีรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของคณะกรรมการการประชุม (Conference Board Consumer Confidence) เดือนส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 96.5 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 97.3 จุด

วันพุธ ติดตาม รายงานคลังสินค้าน้ำมันดิบ (US Crude Oil Inventories) จากองค์กรข้อมูลด้านพลังงาน เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลง 6.014 ล้านบาร์เรล

วันพฤหัสบดี ติดตามการรายงานครั้งที่สองของ GDP 2Q25 สหรัฐอเมริกา ตลาดคาดที่ 3.1% เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 3.0% ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.30 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.35 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (US Core PCE Price Index) เดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 2.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.8% YoY

- Advertisement -