DRT ครบรอบ 40 ปี เปิดโรงงานอิฐมวลเบาสระบุรีแห่งที่ 2 เพิ่มศักยภาพและความยืดหยุ่นการผลิต ชูเทคโนโลยีทันสมัย
“บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT” ครบรอบ 40 ปี เปิดโรงงานอิฐมวลเบาสระบุรีแห่งที่ 2 (AAC-2) กำลังการผลิต 2.9 ล้านตารางเมตรต่อปี ช่วยเพิ่มศักยภาพและการผลิตที่ยืดหยุ่น มองแนวโน้มตลาดปรับตัวดีขึ้นจากการใช้ก่อผนังแทนอิฐมอญและตอบโจทย์ระบบก่อสร้างเสา–คานสำเร็จรูป วางแผนขยายลูกค้าโครงการภาครัฐและเอกชน ชูเทคโนโลยีการผลิต The Green Cake Separating Technology ลดการใช้พลังงาน ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต และขับเคลื่อนด้วยระบบ Automation, Robotics และ AI Driven
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บริการติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคาพื้น บันได และผนังพร้อมบริการติดตั้ง ‘SPC Solutions’ แบบครบวงจร ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ในโอกาสดำเนินธุรกิจครบรอบ 40 ปี บริษัทฯ เริ่มเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์โรงงานอิฐมวลเบาสระบุรีแห่งที่ 2 (โรงงาน AAC-2) ช่วยเพิ่มศักยภาพและความยืดหยุ่นการผลิต รองรับการผลิตสินค้าหลากหลายรุ่น ทั้งสินค้ามาตรฐานและสเปกพิเศษ ทั้งชั้นคุณภาพ 2 (G2) และชั้นคุณภาพ 4 (G4) นอกจากนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่งแก่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่หลากหลายและครอบคลุมการก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคา, โครงหลังคาสำเร็จรูป, ผลิตภัณฑ์พื้น ผนัง และบันได SPC Solutions และอิฐมวลเบา พร้อมบริการติดตั้งและโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.พิชญานันท์ ล้อวรลักษณ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการขายและการตลาดบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งกว่า 6 เดือนแรกของปี 2568 ได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม อิฐมวลเบาเป็นสินค้าที่ใช้ก่อผนังทดแทนอิฐมอญได้รวดเร็ว ตอบโจทย์การก่อสร้างด้วยระบบเสาและคานสำเร็จรูป ช่วยประหยัดพลังงาน ดูดซับเสียง โดยภาพรวมอุตสาหกรรมอิฐมวลเบาในประเทศไทยปัจจุบันมีผู้ผลิตหลักหลายราย มูลค่าตลาดรวม 6,840 ล้านบาท (ประมาณ 360 ล้านก้อนต่อปี) ขณะที่แนวโน้มตลาดอิฐมวลเบาในช่วงที่เหลือของปีนี้และปี 2569 คาดว่าปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย จากคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การก่อสร้างและดีมานด์จากโครงการภาครัฐและภาคเอกชน โดยหลังจากบริษัทฯ เดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์โรงงานอิฐมวลเบาสระบุรีแห่งที่ 2 แล้ว วางแผนขยายตลาดเมืองรอง 55 จังหวัด สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายโครงการสู่ต่างจังหวัด และมีแผนรุกตลาดครอบคลุมทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งงานโครงการภาครัฐและเอกชน ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายรายย่อยห้างค้าปลีกวัสดุสมัยใหม่ โดยนำเสนอสินค้าสเปกพิเศษซึ่งการแข่งขันยังไม่รุนแรง
นายสุนทร สุวรรณเจตต์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการผลิตและวิศวกรรมบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า โรงงานอิฐมวลเบาสระบุรีแห่งที่ 2 มีกำลังการผลิต 2.9 ล้านตารางเมตรต่อปี ใช้งบลงทุน 648 ล้านบาท เมื่อรวมกับกำลังการผลิตอิฐมวลเบาที่โรงงานสระบุรีแห่งที่ 1 และโรงงานเชียงใหม่ 5.8 ล้านตารางเมตรต่อปี บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 8.7 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยโรงงานดังกล่าวใช้เทคโนโลยีการผลิต The Green Cake Separating Technology โดยแยกอิฐมวลเบาก่อนเข้าสู่กระบวนการอบ ช่วยลดพลังงาน ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต จึงมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง 4 – 5% เทียบกับเครื่องจักรรุ่นเดิม รวมถึงได้นำระบบ Automation,Robotics และ AI Driven มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ ใช้การควบคุมกระบวนการผลิตด้วยระบบ SCADA ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์ อุปกรณ์และเครื่องจักร นำมาแสดงผลผ่านหน้าจอ เพื่อติดตามควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ มีระบบดักจับฝุ่น หมุนเวียนไอน้ำและไอร้อนกลับมาใช้ในระบบ และนำน้ำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต สอดคล้องกับนโยบาย ESG ของบริษัทฯ
นายกฤช กุลเลิศประเสริฐ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบริหารกลาง บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า โรงงานอิฐมวลเบาสระบุรีแห่งที่ 2จะให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ย 12% ต่อปี และใช้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 9 ปี โดยประเมินว่าปี 2569 จะมีอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 60 – 70% และทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2570 – 2571