KS Daily View 15.09.2025 >>> มองที่ระดับแนวต้าน 1,300 จุด อาจเผชิญแรงเทขายจิตวิทยา SET วันนี้คาดกรอบ 1,285–1,300 จุด แนะนำ KTC และ PTTEP
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดดัชนีตลาด SET Index ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,275 – 1,310 จุด แนวโน้มหลักของดัชนีเป็นภาพของปรับตัวขึ้น โดยล่าสุดสามารถทะลุกรอบแนวต้านเดิมที่ระดับ 1,270/80 จุด ขึ้นมาได้ แต่เผชิญแรงเทขายที่ระดับแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่ 1,300 จุด อย่างไรก็ดี มองไปข้างหน้าเราแนะนำเพิ่มความระมัดระวังความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้น หลังตลาดปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจนล่าสุดการปรับตัวขึ้นของตลาดเป็นไปในลักษณะพยายามหาประเด็นสลับกลุ่มเล่นรวมถึงการใช้ DELTA ในการดันดัชนี ปัจจัยบวกต่างๆ ในตลาดเมื่อมีข่าวออกมาแม้ยังไม่ชัดเจนแต่ตลาดก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว ทำให้เรามองข่าวบวกใหม่ๆ ในตลาดดูเริ่มมีน้อยและส่วนมากที่มีอยู่ตลาดก็รับรู้แล้วไป ไม่ว่าทั้งเรื่องการเปลี่ยนผ่านนายกฯ คนใหม่ที่ทำได้เร็วเป็นทาง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย อีกทั้ง เก็งกำไรการจัดตั้ง ครม. อนุทิน 1 ที่มีกระแสบวกหลังพรรคภูมิใจไทยเชิญผู้เชี่ยวชาญคนดังนอกวงการการเมืองเข้ามาช่วยบริหารกระทรวงสำคัญ รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ทั้งที่ยังไม่ทันจัดตั้งรัฐบาล
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1293.26 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.28% จากสัปดาห์ที่ผ่านหนุนโดยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, และกลุ่มกระดาษ ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,285–1,300 จุด ที่อาจเผชิญแรงเทขายที่ระดับแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่ 1,300 จุด ประกอบกับ valuation ตลาดไม่ได้ถูกเหมือนช่วงก่อนหน้าและตลาดรับรู้ข่าวบวกต่างๆไปมากแล้ว แนะนำ KTC และ PTTEP
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าสหรัฐฯ พร้อมจะออกมาตรการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียเพิ่มเติมก็ต่อเมื่อทุกชาติสมาชิกนาโต้หยุดซื้อน้ำมันรัสเซียและดำเนินการคว่ำบาตรร่วมกัน ปัจจุบันสหรัฐฯ กำลังกดดันพันธมิตรนาโต้เข้มขึ้นเพื่อสกัดรายได้จากพลังงานซึ่งเป็นแหล่งเงินหลักของรัสเซีย แม้มีความเสี่ยงดันราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น ทรัมป์ยังเสนอให้นาโต้เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 50–100% เพื่อลดอิทธิพลทางเศรษฐกิจของปักกิ่งที่หนุนมอสโก มองเป็นบวกกับ PTTEP และ refineries หากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอาจส่งผลให้ inventory loss ปรับตัวลดลง
2) เกิดเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันคีริชี หนึ่งในโรงกลั่นใหญ่ที่สุดของรัสเซียทางตะวันตกเฉียงเหนือ หลังโดรนถูกสอยตกและชิ้นส่วนตกใส่ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ โรงกลั่นนี้ดำเนินการโดย Surgutneftegaz มีกำลังกลั่นราว 17.7 ล้านตันต่อปี หรือ 355,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 6.4% ของกำลังการกลั่นน้ำมันรัสเซียทั้งหมด มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกับ refineries อย่าง TOP SPRC BCP BSRC
3) ไทยเจรจาสำเร็จ ทำให้จีนยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราธรรมชาติจากไทยเหลือ 0% จากเดิม 20% ผ่านเส้นทางแม่น้ำโขง ช่วยเพิ่มความสามารถแข่งขันและขยายตลาดในจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของไทย ขณะเดียวกันกฎหมายสิ่งแวดล้อมของอียู (EUDR) หนุนให้จีนต้องนำเข้ายางจากไทยเพื่อผลิตยางรถยนต์ส่งออกยุโรป มองเป็นบวกกับ STA
4) กทพ.เผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทาง 37.41 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ก่อนนำเสนอให้ ครม.พิจารณาในขั้นต่อไป มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกเล็กน้อยกับ CENTEL
5) กพท. พร้อมเดินหน้าผลักดันสุวรรณภูมิเป็น Aviation Hub ผ่านแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาคารผู้โดยสาร รันเวย์ที่ 4 และศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่สนใจลงทุน รวมถึงตั้ง ฟรีโซนคลังอะไหล่ และศูนย์ฝึกบุคลากรการบิน รองรับการเติบโตอุตสาหกรรม อีกทั้งเผยผลตรวจ ICAO ภายใต้โครงการ USOAP CMA เบื้องต้นไทยได้คะแนนเฉลี่ย 87.17% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก ที่ 70.50% มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ AOT
KTC: ราคาพื้นฐาน 29.00 บาท
เราแนะนำ KTC จากระดับ valuation ที่กลับมาซื้อขายใกล้เคียงกับกลุ่มจากก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ premium เมื่อเทียบกับ AEONTS ในขณะที่ Asset quality ยังสามารถควบคุมได้อย่างดี โดย NPL ใน 2Q25 มีการปรับตัวลดลงจากระดับ 3.39% ใน 1Q25 มาอยู่ที่ระดับ 3.18% ใน 2Q25 และ SML ก็ปรับตัวลดลงเช่นกันจาก 11.33% ในไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 11.03% โดยการปรับตัวดีขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์มาจากสินเชื่อบัตรเครดิตเป็นหลัก เรามองว่า KTC จะยังคงสามรถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ไปจนสิ้นปี ประกอบกับด้วย coverage ratio ที่อยู่ในระดับสูงเราเชื่อว่ามีโอกาสที่ credit cost จะปรับตัวลดลงเช่นกันใน 2H25 และปี 2026 มองไปข้างหน้าหากภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย KTC มีโอกาสได้รับผลบวกจาก card spending ที่สูงขึ้น
PTTEP: ราคาพื้นฐาน 134.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากระดับ valuation EV/EBITDA ที่ต่ำกว่า -1SD และระดับ PBV ที่ต่ำระดับ -2SD พร้อมกับปันผลที่แข็งแกร่งระดับ 7.5% มีความน่าสนใจในการลงทุน นอกจากนี้ IMF ยังมีการ upgrade Global GDP ที่แสดงได้ถึงจุดต่ำสุดของ oil demand forecast ได้ผ่านไปแล้ว อีกทั้งเราคาดว่าการได้รับสัมปทาน MTJDA Block A-18 จะช่วยเพิ่ม reserve life ส่งผลให้มีโอกาสที่ PTTEP จะได้รับการ re-rate multiple ขึ้นไปในระยะยาวเช่นกัน พร้อมกันนี้ PTTEP ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้า US LNG อีกด้วยเนื่องจาก ก๊าซธรรมชาติจากในประเทศและในแหล่งที่พม่ายังมีไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการในประเทศ และ PTTEP เองมีสัญญา DCQ กับลูกค้าแล้วด้วย
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของจีน (China Industrial production) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +5.6% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +5.7% YoY และ ดัชนียอดค้าปลีก (China Retail sales) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +3.7% YoY ปิดท้ายด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (China unemployment rate) ของจีนเดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 5.2% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- วันอังคาร ติดตามดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) ของสหรัฐ เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.30% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.50% MoM
- วันพุธ ติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหภาพยุโรปครั้งสุดท้าย (EU CPI) เดือน ส.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ +2.1% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า และตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (EU Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ +2.3% YoY ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้าปิดท้ายด้วยผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps
- วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีแนวโน้มธุรกิจโดยธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.5 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.3 จุด ปิดท้ายด้วย จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.40 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.63 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.8% YoY ลดลงเดือนก่อนหน้าที่ +3.1% YoY ต่อด้วยผลการประชุมของ BoJ โดยตลาดคาดว่า BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยจากครั้งก่อนหน้า