เก่งหลังเกมส์
SET Index ปรับลง -4.29 จุด (-0.33%) ปิดที่ระดับ 1,292.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.78 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 223 บริษัท, หุ้นปรับลง 230 บริษัท) จากผลกระทบ FTSE Rebalance โดยมี Sector ที่ปรับลง คือ กลุ่ม ICT (TRUE), กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA,HANA,KCE) ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นหนุนดัชนี คือ ธนาคาร (SCB, KBANK,KTB), พลังงาน (PTT)
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ
SAWAD (+2.56%), AEONTS (+4.80%)
หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับขึ้น รับแรงหนุนจากกระแสดอกเบี้ยขาลง ที่เอื้อต่อธุรกิจปล่อยสินเชื่อ ทั้งลดต้นทุนทางการเงินและช่วยกระตุ้นความต้องการกู้ยืม ขณะเดียวกันยังได้แรงเสริมจากโบรกต่างชาติที่ทยอย ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นการเงิน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อคุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มกำไรที่จะฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาเก็งกำไรและสะสมหุ้นกลุ่มนี้
BCH (+1.47%), PR9(+2.59%)
หุ้นกลุ่มโรงพยายบาลมีแรงหนุนบวกจากสัญญาณรายได้จากโรคระบาดที่เร่งขึ่น โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและสูงกว่าปีก่อนในรอบ 15 สัปดาห์ จะส่งผลบวกต่อแนวโน้มรายได้ของกลุ่ม รพ.
PSL (+2.80%), TTA (+1.23%)
หุ้นกลุ่มเรือเทกองได้รับแรงหนุน จากค่าระวางเรือ BDI ที่ปรับขึ้น +0.05% ปิดที่ 2154 จุด
STGT (+4.41%)
STGT ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 1.5 พันลบ. (สูงสุด 220 ล้านหุ้น หรือ 7.7% ของหุ้นทั้งหมด) ระหว่าง 22 ก.ย. 2025 ถึง 20 มี.ค. 2026 เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน โดยคาดราคาเฉลี่ยราว 6.8 บ./หุ้น ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน คาดช่วยหนุน EPS ปี 2026F ราว +8% หากดำเนินการเต็มวงเงิน โดยมองการซื้อหุ้นคืนเป็น downside support
DPAINT (+24.42%)
หุ้น DPAINT ปรับขึ้นแรงหลัง “อรรถพล–วาณุภัณฒ์ ตั้งคารวคุณ” ขายบิ๊กล็อต 26% ให้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ “สิดาพัณณ์ สมบัติธีระ–เพ็ญพร วงศ์นพรัตน์เลิศ” ที่เตรียมเข้าบอร์ด สร้างความคาดหวังเรื่องทุนใหม่ เครือข่ายธุรกิจ และโอกาสรีแบรนด์กลยุทธ์ แม้บริษัทระบุว่าโครงสร้างการบริหารยังไม่เปลี่ยน แต่ตลาดมองเป็น Story ใหม่ ทำให้เกิดแรงเก็งกำไร