ตลาดเริ่มไร้ปัจจัยใหม่แต่กลุ่มที่อิงกับการบริโภคจะน่าสนใจ

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 172 จุด (+0.37%) ได้แรงหนุนจาก หุ้น FEDEX ที่ปรับตัวขึ้นหลังรายงานผลประกอบการดีกว่าตลาดคาด ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.4% ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ล้นและความต้องการที่ลดลง

Market Outlook

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ ค่อนข้างทรงตัว อาทิ US Bond Yield ในรุ่นอายุ 2, 10 ปี แต่แนวโน้มระยะสั้นเริ่มเห็นการปรับขึ้นและสอดคล้องกับแข็งค่าของ Dollar Index ประเมินว่าเป็นเพราะดอกเบี้ยของ FED ที่อาจปรับลงได้ไม่มากนัก (จากการยืนยันของ FED ในการประชุมรอบ ล่าสุด) ให้โอกาสที่จะปรับลงปีหน้าเพียง 1 ครั้ง (0.25%) แต่อย่างไรก็ตาม จากนี้ก็มีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนได้ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น  แนะติดตามโดยเฉพาะตลาดแรงงานและเงินเฟือสหรัฐฯ ส่วนความเห็นล่าสุดจาก CME FED Watch ประเมินว่า FED จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ แต่ปีหน้าจะลดลงเพียง 2 ครั้ง (ค่อนข้างน้อย) หากเป็นเช่นนี้ก็ให้ระมัดระวังว่าเงินบาทอาจจะมีแนวโน้มอ่อนค่า และเมื่อประกอบกับการส่งออกที่อาจชะลอตัวแรงในครึ่งปีหลังจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันเงินบาท แต่ประเมินกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยวจะได้ผลบวก (AOT CENTEL MINT ERW TU)

ส่วนปัจจัยในประเทศทางนายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้รอติดตามการโปรดเกล้าหากเสร็จสิ้นก็พร้อมออกนโยบายทันที ซึ่งนโยบายที่ได้ปรากฏออกมา ได้แก่ คนละครึ่ง ช็อปดีมีคืน แต่รายละเอียดในแง่ของมูลค่าเงิน ยังไม่ได้ประกาศออกมา โดยมองบวกกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT HMPRO COM7) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1280 – 1300 ตลาดเข้าสู่ช่วงไร้ปัจจัยใหม่ๆ หลังทราบผลประชุม FED ไปแล้วแต่ก็เชื่อว่า Downside Risk ตลาดหุ้นไทยจะไม่ได้สูงมาก เพราะยังมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนหากลงทุนระยะสั้นแนะเลือกหุ้นที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยปรับลง อาทิ ค้าปลีก (CPALL HMPRO) อสังหาริมทรัพย์ (AP SPALI) การเงิน (MTC SAWAD) โรงพยาบาล (BDMS)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)

2Q25 อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจขายส่งเพิ่มขึ้น 60 bps YoY ใน 2Q25 เป็นผลมาจาก Synergy benefits รวมถึงการจัดประเภทผลตอบแทนจากการสนับสนุนการขายร่วมกับคู่ค้าจากรายได้จากการให้บริการเป็นการลดต้นทุนขาย SG&A-to-sales ratio ใกล้เคียงกับปีก่อน

COCOCO (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท)

คาดว่าอัตรากำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 2Q25 ราคามะพร้าวปรับตัวลดลง MoM ต่อเนื่องหลังทำพีคในเดือน ธ.ค. 2024 ที่ 22.36 บาท/ผล เป็น 16.43 บาท/ผล ในเดือน ส.ค. 2025 ทำให้เราคาดคำไร 3Q25 ฟื้น ตัวเด่น QoQ ขึ้นแตะระดับ 150-160 ล้านบาทต่อไตรมาส

 

- Advertisement -