บล.กสิกรไทย:
BEM: ราคาพื้นฐาน 9.75 บาท
- เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BEM และแนะนำลงทุนระยะยาว จากมูลค่าที่น่าสนใจ (2026 PBV –2SD และ PE –1SD ตั้งแต่ปี 2019) แม้บริษัทจะเข้าสู่รอบลงทุนใหม่ปี 2025–2029 แต่ถือเป็นจังหวะเข้าลงทุนที่เหมาะสมที่สุด โดยตั้งแต่ปี 2030 คาดว่า FCFF จะเป็นบวก 5–7 พันล้านบาท/ปี กำไรสุทธิราว 4.6 พันล้านบาทในปี 2029 และ 6 พันล้านบาทในปี 2030 รองรับการจ่ายปันผล 5–6% ได้ แรงหนุนหลักมาจาก
1. การหมดภาระจ่ายค่าตอบแทนสายสีน้ำเงินปีละ 5 พันล้านบาทในปี 2029
2. การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออกในปี 2028 และตะวันตกในปี 2030) ซึ่งคาดผู้โดยสารเพิ่มจาก 120,000 เที่ยว/วันในปี 2028 เป็น 262,000 เที่ยว/วันในปี 2030 พร้อมส่งผลบวกต่อสายสีน้ำเงินด้วย
- ปัจจัยกระตุ้นใกล้คือการอนุมัติโครงการทางด่วนสองชั้น (มูลค่า 3–3.5 หมื่นล้านบาท) ใน 4Q25 ที่คาดว่า BEM จะได้สิทธิบริหาร แลกกับการขยายสัมปทาน FES และ SES ออกไปอีก 20 ปี เพิ่มมูลค่า 1.3–1.5 บาท/หุ้น และยังมีอัพไซด์จากการได้สัญญา O&M รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ในปี 2026 ซึ่งจะเปิดใช้ในปี 2029 ช่วยเสริมการเติบโตระยะยาว
BGRIM: ราคาพื้นฐาน 15.00 บาท
- เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BGRIM จากมูลค่าที่ถูกกดดัน (-2SD, 2026 PE 13.x และ PBV 0.9x) ซึ่งนักลงทุนกังวลกรณี FiT โรงไฟฟ้าโซลาร์ในเวียดนาม (497MW) อาจถูกปรับลดลงกระทบกำไร 15–20% แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 4Q25 และผลกระทบอาจน้อยกว่าที่คาด
- ปัจจัยหนุนหลักคือวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยทุกการปรับลดดอกเบี้ย 10bps จะเพิ่มอัพไซด์ราว 5% ให้ราคาเป้าหมาย แรงกดดันจากนโยบายรัฐด้านค่าไฟยังจำกัด โดยเราตั้งสมมติฐานค่าไฟ 2026 ที่ 3.90 บาท/หน่วย ใกล้เคียงปัจจุบัน 3.94 บาท/หน่วย
- ต้นทุนเชื้อเพลิงมีแนวโน้มลดลงจากราคา LNG ที่ปรับลงสู่ 11.5 ดอลลาร์/MMBTU และเงินบาทแข็งค่า ซึ่งทุกการลดลงของ Pool gas 10 บาท/MMBTU จะเพิ่มกำไรปี 2026 ราว 6% ประกอบกับ IEA คาดกำลังผลิต LNG โลกเพิ่ม 215 ล้านตัน/ปี ระหว่าง 2025–2030 โดยเฉพาะช่วง 2026–2027 ที่จะกดดันราคา LNG ให้อ่อนตัวลงต่อ
- นอกจากนี้ BGRIM ยังได้ S-curve ใหม่จากการลงทุนศูนย์ข้อมูลผ่าน JV กับ Digital Edge ขนาด 96MW มูลค่าลงทุน 25,000 ล้านบาท ซึ่งเฟสแรกจะ COD ปลายปี 2026 และเฟสสองปี 2029 คาดสร้างมูลค่าเพิ่ม 1.5–2.5 บาท/หุ้น ด้วย EBITDA margin ราว 40%