บล.พาย
TU: Thai Union Group PCL
3Q25 คาดเห็นรายได้กลับมาโตจากปีก่อน
เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” หลังจากราคาหุ้นมีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้เพียง 8% โดยมองว่าแนวโน้มผลประกอบการงวด 3Q25 ที่แม้จะเริ่มเห็นรายได้กลับมาเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนได้เป็นครั้งแรกหลังจากลดลงมา 3 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ถูกกระทบจากต้นทุนปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้นและภาระภาษีนำเข้าไปสหรัฐฯที่ TU ยังต้องรับภาระไว้ก่อนเป็นสิ่งกดดันกำไรขั้นต้นให้ปรับตัวลดลง และทำให้กำไรสุทธิเห็นการปรับตัวลดลงเหลือ 1,190 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวเรายังมองว่า TU ยังมีโอกาสเห็นการเติบโตได้ทั้งจากการปรับราคาที่จะมากขึ้นในช่วง 4Q25 เป็นต้นไปรวมถึงความร่วมมือกับกลุ่ม Mitsubishi ที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง
คาด 3Q25 กำไรสุทธิ 1,190 ล้านบาท (-15%YoY, -7%QoQ)
- เราคาด TU มีกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 1,190 ล้านบาท (-15%YoY, -7%QoQ) เทียบกับปีก่อนลดลง เพราะผลกระทบจากกำไรขั้นต้นที่ชะลอจากการที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารแช่แข็งเพิ่มขึ้น ส่วนเทียบกับ 2Q25 ลดลงเพราะแรงกดดั่นจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
- รายได้คาดที่ 36,524 ล้านบาท (+5%YoY, +9%QoQ) เป็นการกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้อีกครั้ง หลังจากลดลงมา 3 ไตรมาสติดต่อกัน เป็นการเติบโตในทุกธุรกิจ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งทำการตลาด และการปรับราคาตามต้นทุนปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น ส่วนการเพิ่มขึ้นจาก 2Q25 ส่วนหนึ่งมาจากผลด้านราคาและธุรกิจอาหารสัตว์น้ำที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ผลกระทบจากภาษีที่เกิดขึ้นทาง TU มีการปรับราคาไปบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด
- กำไรขั้นต้นคาดที่ 18.5% ลดลงจาก 19.5% ใน 3Q24 และ 19.7% ใน 2Q25 เทียบกับปีก่อนลดลงเพราะปีก่อนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีกำไรขั้นต้นสูงกว่าปกติ ส่วนลดลงจาก 2Q25 เนื่องจากต้องมีการรับภาระค่าใช้จ่ายภาษีบางส่วนอยู่ ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดที่ 4,931 ล้านบาท (+5%YoY, +6%QoQ) ส่วนใหญ่เพิ่มจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัทและค่าใช้จ่ายทางการตลาด ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดที่ 219 ล้านบาท (-20%YoY, +39%QoQ) เกิดจากผลกระทบของธุรกิจที่อินเดียเป็นหลัก
- รายได้อื่นคาดที่ 210 ล้านบาท -17%YoY เพราะดอกเบี้ยรับที่ลดลงภาษีจ่ายคาดที่ 197 ล้านบาท (-5%YoY, -6%QoQ)
เตรียมเห็นการปรับราคาที่มากขึ้นในช่วง 4Q25 นี้
จากการที่ในช่วง 3Q25 TU แจ้งว่าการปรับราคาเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากภาษีทำได้เพียงประมาณ 10% จากที่ต้องปรับขึ้นทั้งหมดโดย TU คาดว่าในช่วง 4Q25 จะสามารถทยอยปรับราคาได้เพิ่มขึ้น (ช่วงแรกจะเป็นการปรับเพื่อสะท้อนถึงภาษีระดับ 10% ที่สหรัฐฯเรียกเก็บในช่วงเดือน เม.ย.-ก.ย.) และจะเห็นการปรับราคาทั้งหมดที่รวมถึงภาษีในอัตรา 19% ในปี 26 เป็นต้นไป (ส่วนหนึ่งเนื่องจากลูกค้ายังมีสินค้าคงเหลือที่เป็นภาษีเก่าอยู่) อย่างไรก็ตาม TU มีการใช้รายการส่งเสริมการขายมาช่วยรักษายอดขายแทน
คงกำไรทั้งปีไว้เท่าเดิม ส่วน MC ความร่วมมือยังมีต่อ
กำไรสุทธิในช่วง 9M25 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 78% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 4,442 ล้านบาท โดย 4Q25 จะเป็นช่วง Low Seasons ของธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ เราจึงคงกำไรทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อน สำหรับความร่วมมือกับ Mitsubishi ยังคงเป็นไปตามเดิมแม้จะล้มแผนซื่อหุ้นเพื่อเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 20% โดยยังถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 5% ทั้งนี้ด้วยแนวโน้ม 3Q25 ที่คาดกำไรชะลอตัว รวมถึงราคาหุ้นมีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินที่ 13.7 บาท (16XPER’25E) เพียง 8% เราจึงปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” แทน