KS Daily View 06.10.2025 >>> มองกลุ่มพลังงานอาจปรับตัวขึ้น หลัง OPEC+ ประกาศเพิ่มการผลิตน้ำมันเดือนพ.ย. น้อยกว่าตลาดคาด กรอบ SET วันนี้ 1,275-1,300 จุด แนะนำ PTTEP ITC

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดดัชนีตลาด SET Index ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,275 – 1,310 จุด มองแนวโน้มหลักของดัชนีเป็นภาพของการพักตัว หลังดัชนีเผชิญแรงเทขายที่บริเวณเหนือระดับ 1,300 จุด แต่ยังมีแรงซื้อกลับพยุงไม่ให้หลุดที่แนวรับ 1,270 จุด อย่างไรก็ดี แรงซื้อที่ช่วยพยุงดัชนีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างค่อนข้างจำกัดเพียงในหุ้นหลักๆ คือDELTA ที่บวกขึ้นมาถึง 13% ขณะที่หุ้นในกลุ่มหลักอื่นส่วนใหญ่ปรับตัวลงโดยไม่มี theme การเคลื่อนไหวที่ชัด มองไปข้างหน้าในสัปดาห์นี้ เรามองประเด็นหลักส่วนใหญ่เป็นเรื่องในประเทศ โดยวันอังคารที่ 7 ต.ค. ประชุม ครม. สัปดาห์นี้จับตาการอนุมัติโครงการคนละครึ่งพลัส เรามองแม้เป็นประเด็นบวกแต่ตลาดรับรู้แล้วทำให้เชื่อว่าการตอบสนองของตลาดสำหรับประเด็นนี้อาจเป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่ด้านกลางสัปดาห์ในช่วงวันพุธที่ 8 ต.ค.มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps มาอยู่ที่ระดับ 1.25% ที่อาจช่วยหนุนให้ดัชนีตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนได้ที่บริเวณ 1,300 จุด

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1293.61 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.16% จากสัปดาห์ที่ผ่านหนุนโดยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มขนส่ง, และกลุ่มสื่อสาร ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นเล็กน้อยอยู่ในกรอบ 1,275–1,300 จุด จากกลุ่มพลังงานที่อาจปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น หลัง OPEC+ ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนพฤศจิกายน น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ในข่าวก่อนหน้านี้ แนะนำ PTTEP และ ITC

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. รัสเซียได้โจมตีด้วยอากาศยานและโดรนจำนวนมากไปยังโรงงานผลิตก๊าซหลักของยูเครนในภูมิภาค Kharkiv และ Poltava ทำให้บางส่วนเสียหายหนัก ขณะที่ ยูเครนยังตอบโต้ด้วยการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียหลายแห่ง กระตุ้นให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันและไฟฟ้าในบางภูมิภาค มองเป็นบวกกับ PTTEP, โรงกลั่นอย่าง TOP SPRC BCP BSRC, และ BANPU ในขณะเดียวกันราคาก๊าซที่ปรับตัวขึ้นอาจหนุนให้ gas pool ของไทยปรับตัวขึ้นตามกดดัน GPM ของโรงไฟฟ้า SPP อย่าง BGRIM GPSC SPCG
  1. ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันปรับขึ้นประมาณ 1% ในการซื้อขายเช้าวันจันทร์ หลัง OPEC+ ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนพฤศจิกายนอีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน เท่ากับการเพิ่มในเดือนตุลาคม น้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
  1. หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรกับคู่ค้าต่างชาติ การขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศชะลอตัว ทำให้ค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ลดลงต่ำสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 2024 และเส้นทางคึกคักอย่างเซี่ยงไฮ้–ลอสแองเจลิสลดลง 58% YoY อีกทั้ง การนำเข้าล่วงหน้าเพื่อเลี่ยงภาษีช่วงฤดูกาลหยุดยาวและการเพิ่มเรือคอนเทนเนอร์ใหม่ทำให้ตลาดล้นสร้างความเสี่ยงต่อการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง มองเป็นลบกกับ RCL อีกทั้งหากราคา freight rate ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องอาจส่งผลให้มี loss จาก asset valuation ในส่วนของเรือใน 4Q25
  1. อุตสาหกรรมกุ้งของอินโดนีเซียได้รับผลกระทบหนัก หลังตรวจพบการปนเปื้อนกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในกุ้งล็อตหนึ่งส่งไปสหรัฐในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ผู้ซื้อในสหรัฐและต่างประเทศกำลังรอประเมินความปลอดภัยของกุ้งทั้งหมดจากอินโดนีเซีย ซึ่งอาจกระทบต่อการจ้างงานของครัวเรือนหลายล้านครอบครัวและสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค องค์การอาหารและยา (FDA)ของสหรัฐได้แจ้งเตือนห้ามบริโภคหรือจำหน่ายกุ้งจากบริษัท PT Bahari Makmur Sejati (BMS) มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ TU
  1. สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งกว่า 3% ในวันที่ 3 ต.ค. แตะ 5.1090 ดอลลาร์/ปอนด์ ได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้ทองแดง โดยเฉพาะในภาคพลังงานสะอาดและศูนย์ข้อมูลสำหรับ เทคโนโลยี AI ขณะเดียวกัน อีกทั้งตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความกังวลด้านอุปทาน หลัง ฟรีพอร์ต-แมคโมแรน ประกาศภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) ที่เหมืองกราสเบิร์กในอินโดนีเซีย จากเหตุ ดินถล่มร้ายแรง ซึ่งกระทบต่อการผลิตทองแดงทั่วโลก มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับ KCE

Daily pick

PTTEP: ราคาพื้นฐาน 134.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากระดับมูลค่าที่น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายที่ราว -1SD (2026 PBV 0.8x, PE 7.x) และให้ Dividend yield กว่า 7% หรือราว 8.5 บาท/หุ้น โดยยังมีโอกาสรักษาจ่ายปันผลใกล้ระดับปี 2024 ที่ 9.5 บาท/หุ้น จากฐานะการเงินแข็งแกร่ง (IBD/E เพียง 0.24x ใน 2Q25) และกระแสเงินสดอิสระที่มั่นคง ในเชิงกลยุทธ์ เราคาด PTTEP อาจ Outperform ใน 4Q25 จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่มักปรับขึ้น 14–20% ภายใน 3–12 เดือนหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย อีกทั้งIEA, OPEC และ EIA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปี 2025–2026 ขณะที่สต๊อก middle distillate ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี และฤดูหนาวจะหนุน GRM เพิ่มแรงหนุนต่อราคาน้ำมัน โดย PTTEP มีสัดส่วนยอดขายจากน้ำมันดิบราว 30% ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรง

ITC: ราคาพื้นฐาน 18.60 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกกับ  ITC จากแนวโน้มของกำไรของ ITC ปรับตัวดีขึ้น จากสัดส่วนสินค้าระดับพรีเมี่ยมของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายของผู้บริหารที่ตั้งไว้ 47-50% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และปริมาณการขายที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ในขณะเดียวกันบริษัทมีอำนาจต่อรองที่แข็งแกร่งกับลูกค้ารายใหญ่ทำให้บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อระยะยาวแม้ว่าจะมีการขึ้นภาษีของสหรัฐในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมจนถึงปี 2027

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันจันทร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH inflation)เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.60% YoY ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.79% YoY และอัตราเงินเฟื้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ +0.75% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.81% YoY ต่อด้วยดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales)เดือน ส.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.3% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.2% YoY

วันอังคาร ติดตามการให้สัมภาษณ์ของทางประธาน ECB Christine Lagarde ในงาน Business France ในปารีส

วันพุธ ติดตามการประชุม กนง. ของไทย โดยตลาดคาดว่า กนง. จะรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps จากครั้งก่อนหน้า และ รายงานบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐ (FOMC minutes)

วันพฤหัสบดี ติดตามแถลงการณ์ของประธานเฟด Jerome Powell ในงานประชุม Community Bank ที่จัดโดยคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.27 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 54.0 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 55.1 จุด

- Advertisement -