PTECH พร้อมกลับมาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ 9 ต.ค.68 หลังแก้เกณฑ์ Free Float เตรียมขยายธุรกิจใหม่ด้าน EMS (Electronics Manufacturing Services) ครอบคลุมการผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มุ่งสู่การเป็น One-Stop EMS Provider ตอบโจทย์อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี เดินเครื่องผลิต–ส่งออกปลายปีนี้ หนุนศักยภาพการเติบโต
นายวิเลิศ อรวรรณวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH เปิดเผยว่า PTECH จะถูกปลดเครื่องหมาย “SP” (Suspension) และกลับมาดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 68 ภายหลังจากการแก้ไขสัดส่วนกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ได้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ ตลท. กำหนด โดยมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่น้อยกว่า 150 ราย และมีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 15% ของทุนชำระแล้ว
ทั้งนี้ข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 2 ต.ค. 2568 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายย่อย (Non-Strategic Shareholder) จำนวน 457 ราย ถือหุ้นรวมกันจำนวน 59,613,968 หุ้น หรือคิดเป็น 16.23% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วของบริษัท
ปัจจุบัน PTECH ดำเนินธุรกิจผลิตบัตรเครดิต (Visa & MasterCard) และเป็นผู้นำด้านการผลิตบัตรพลาสติกประเภทต่างๆ รวมถึงให้บริการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลลงบนบัตร ซึ่งมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง จากการเข้ารับงานในโครงการสำคัญต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ บัตร Rabbit ของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บัตรพลาสติกของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ เช่น CardX ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บัตรจากสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธ.ก.ส. และ ธอส. รวมถึงโครงการภาครัฐ เช่น บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ของกรมการปกครอง
อย่างไรก็ตามจากการประเมินแนวโน้มของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่าธุรกิจรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Manufacturing Services: EMS) อยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของ PCB assembly และ system assembly ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม จึงได้มีมติขยายธุรกิจเข้าสู่สายธุรกิจ EMS
“การเข้าสู่ธุรกิจ EMS ถือเป็นการต่อยอดที่สำคัญของบริษัท และคาดว่าจะเป็นธุรกิจที่สามารถสร้าง New S-Curve ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ลดการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจหลักเพียงประเภทเดียว พร้อมเพิ่มความสมดุลระหว่างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจดั้งเดิม กับรายได้ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากธุรกิจใหม่ นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและคู่ค้าได้อย่างยั่งยืน” นายวิเลิศ กล่าว
ปัจจุบัน PTECH อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่และติดตั้งโรงงาน รวมถึงลงทุนในเครื่องจักร SMT ระบบทดสอบคุณภาพ และการจัดตั้งทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ด้าน EMS โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตและส่งออกได้ภายในปี 2568