KS Daily View 05.11.2025 >>> ภาพต่างประเทศกดดัน SET ตลาดเริ่มกังวลฟองสบู่สหรัฐและผลการตัดสินภาษีทรัมป์ คาด SET กรอบ 1,280-1,300 จุด แนะนำ TRUE BEM
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 ลดลง 1.17%, Nasdaq Composite ลดลง 2.04%, และ Dow Jones ลดลง 0.53% หลังจาก CEO ของ Morgan Stanley และ Goldman Sachs ได้แสดงความเห็นที่สร้างความวิตกเกี่ยวกับฟองสบู่ในตลาด โดยเฉพาะเมื่อดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากกระแสความร้อนแรงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,298.60 จุดลดลง -10.26 จุด (-0.78%) จากการปรับตัวลดลงของกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มปิโตรเคมี, และกลุ่มพลังงาน ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,280-1,300 จุด จากภาพเชิงลบของต่างประเทศ ในเรื่องของความวิตกเกี่ยวกับฟองสบู่ในตลาดสหรัฐหลังจากการสัมภาษณ์ของผู้บริหารธนาคาร อีกทั้งความไม่แน่นอนของผลการตัดสินมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากแพ้คดีรัฐบาลอาจต้องคืนภาษีกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ และสูญเสียรายได้ต่อปี ที่อาจส่งผลกับภาพของการคลังขาดดุลมากขึ้น และ การปรับตัวขึ้นของ Bond yield ที่กดดัน sentiment ของตลาด ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งใน 3Q25 อย่าง TRUE และ BEM
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน
1.กองทัพยูเครนประกาศเมื่อวันอังคารว่าได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียในแคว้นนิจนีนอฟโกรอด ทางตะวันออกของกรุงมอสโก โดยระบุว่าเป้าหมายคือโรงกลั่นของบริษัท Lukoil ในเมืองคัสโตโวซึ่งเป็นแหล่งจัดหาน้ำมันให้กับกองทัพรัสเซีย ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย นอกจากนี้ ยูเครนยังอ้างว่าได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโรงงานปิโตรเคมีในแคว้นบัชคอร์โตสถาน ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนยูเครนราว 1,500 กิโลเมตร โดยทางการท้องถิ่นยืนยันว่าโรงงานในเมืองสเตอร์ลิทามัค ถูกโจมตีจริงแต่ยังสามารถดำเนินงานต่อได้ มองเป็นบวกกับกลุ่ม โรงกลั่นอย่าง TOP SPRC BCP BSRC
2.รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ครม. มีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพี (MotoGP) รายการชิงแชมป์โลก ประจำปี 2027–2031 รวมระยะเวลา 5 ปี โดยใช้งบประมาณรวม 3,997.86 ล้านบาท ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกีฬาระดับโลก มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว อย่าง CENTEL AWC ERW
3.ททท.เปิดเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยว 1 ม.ค. ถึง 2 พ.ย. อยู่ที่ระดับ 26.89 ล้านคนปรับตัวลดลงไป -7.22 % YoY ในขณะเดียวผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ปี 2025 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยราว 33.4 ล้านคน ลดลง 6% จากปีก่อนหน้า สะท้องภาพของจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในส่วนที่เหลือของปี มองเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว
4.ผู้เชี่ยวชาญจาก Yale เปิดเผยว่าหากศาลฎีกาสหรัฐมีคำพิพากษา ยกเลิกภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ตามกฎหมาย IEEPA อาจทำให้ รัฐบาลต้องคืนภาษีกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ และสูญเสียรายได้ต่อปี ซึ่งอาจสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดพันธบัตร เพราะรายได้ดังกล่าวช่วยลดการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐให้อยู่ที่ 1.715 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันแม้หากศาลเพิกถอน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังสามารถใช้กฎหมายอื่น เช่น มาตรา 122 หรือ 232 ของกฎหมายการค้า เพื่อคงการเก็บภาษีนำเข้าได้ต่อไป
5.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลเอกชน และร้านขายยากว่า 3,400 แห่ง โดยมีเป้าหมายช่วยลดค่าครองชีพด้านสุขภาพให้ประชาชน มองจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับกลุ่มโรงพยาบาล
Daily pick
TRUE: ราคาพื้นฐาน 14.12 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TRUE หลังรายงานกำไรสุทธิ 3Q25 อยู่ 1.6 พันลบ. หากไม่รวมรายการพิเศษ เช่น ค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการและภาษีรอการตัดบัญชี กำไรปกติอยู่ที่ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 41.9% YoY และ 17.2% QoQ ในขณะเดียวกัน TRUE ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จที่ 0.19 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนิน 9 เดือนแรกของปี 2025 คิดเป็น 125% ของกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2025 และ spot DY ที่ 1.7% TRUE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลจะไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิในแต่ละครึ่งปี
BEM: ราคาพื้นฐาน 10.85 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BEM หลังฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศจัดอันดับเครดิตระยะยาวในประเทศของ BEM ที่ระดับ ‘A’ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ที่จะส้งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงจาก credit spread ที่ลดลง และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ในขณะเดียวกัน ปัจจัยกระตุ้นใกล้คือการอนุมัติโครงการทางด่วนสองชั้น (มูลค่า 3–3.5 หมื่นล้านบาท) ใน 4Q25 ที่คาดว่า BEM จะได้สิทธิบริหาร แลกกับการขยายสัมปทาน FES และ SES ออกไปอีก 20 ปี เพิ่มมูลค่า 1.3–1.5 บาท/หุ้น และยังมีอัพไซด์จากการได้สัญญา O&M รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ในปี 2026 ซึ่งจะเปิดใช้ในปี 2029 ช่วยเสริมการเติบโตระยะยาว
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพุธ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการของจีน (RatingDog China Service PMI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 52.7 จุดชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.9 จุด ต่อด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH inflation) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.75% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.72% YoY และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ +0.67% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.65% YoY
วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.0% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.24 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตามติดตามตัวเลขส่งออกของจีน (China Export) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +8.3% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน (China Import) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% YoY ชะลอตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ +7.4% YoY ปิดท้ายด้วยการรายงาน ภาคจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) และตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ของข้อมูลเดือน ต.ค.









