รอติดตามผลประกอบการและการเปิดหน่วยงานสหรัฐฯ
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 74 จุด (+0.16%) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวนกับความกังวล Valuation หุ้น Technology ของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.4% ท่ามกลางความคาดหวังอุปสงค์จะดีขึ้น
Market Outlook
วันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง 6% สาเหตุลดลงจากสถานะการเงินส่วนบุคคลในปัจจุบัน และอีกส่วนมองว่าสภาพธุรกิจในข้างหน้าไม่ค่อยดีเท่าใดนัก จากการที่รัฐบาลปิดหน่วยงานเป็นระยะเวลา ค่อนข้างยาวนานกว่า 1 เดือน และการลดลงของความเชื่อมั่นเกิดขึ้นในหลายๆ ช่วงอายุยกเว้นกลุ่มที่ถือหุ้นในอัตราสูงพบว่ามีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น โดยรวมตัวเลขข้างต้นสะท้อนความเปราะบางของกำลังซื้อ กดดันให้ US Dollar กลับมาอ่อนค่าพร้อมกับเงินบาทที่แข็งค่าทดสอบ 32.4 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างผันผวนจากความกังวล Valuation เริ่มแพง โดยเฉพาะกลุ่ม Technology อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้นเพราะทิศทางการเติบโตของกำไรยังเด่นชัด จังหวะย่อตัวอาจมองเป็นโอกาสสะสม DR
สำหรับปัจจัยในประเทศนักลงทุนรอดูการประกาศผลประกอบการ 3Q25 อย่างล่าสุดในวันศุกร์มีหุ้นรายงานกำไรโดดเด่นอย่าง TACC ประกาศกำไรสุทธิที่ 90 ล้านบาท (+49%YoY) และรายได้ขยายตัว (+29%YoY) บริษัทระบุว่าสาเหตุหลักมาจากรายได้ใน 7-11 ที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับกระแสความนิยมของเครื่องดื่มชาไทยและชาเขียวในกลุ่มผู้บริโภคที่ยังมีต่อเนื่อง โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32%ลดลงเล็กน้อย (1%) จากปีก่อนตามต้นทุนที่ปรับขึ้น (กาแฟ) มองหุ้นข้างต้นยังน่าสนใจด้วย PE ไม่แพงและปันผลที่สูง พร้อมกับเติบโตตามการขยายตัวของ 7-11 ส่วนคืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตาม เนื่องจากสหรัฐฯ ยังไม่มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1290 – 1310 เน้นกลยุทธ์เลือกเป็นรายตัวในหุ้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) การเงิน (MTC) เครื่องดื่ม (TACC) นอกจากนี้รอติดตามการกลับมาเปิดหน่วยงานของสหรัฐฯ หลังมีรายงานว่ารีพับลิกันและเดโมแครตใกล้จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TACC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท)
ผลประกอบการ 3Q25 โดดเด่นมาก โดยบริษัทรายงานรายได้ 619 ล้านบาท (+28.6%YoY) พร้อมกับกำไรสุทธิที่ 90 ล้านบาท (+49%YoY) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สาเหตุจากการขยายตัวของ 7-11 รวมถึงกระแสนิยมชาไทยและชาเขียว ในขณะเดียวกันเป็นหุ้นที่ปั่นผล ค่อนข้างสูงในระดับ 7-8%
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท)
TU รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q25 ที่ระดับ 1,304 ล้านบาท ถ้าไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะอยู่ที่ 1,196 ล้านบาท ใกล้เคียงที่เราคาดไว้ โดยสิ่งที่ดีในไตรมาลนี้คือถ้าไม่นับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนรายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการฟื้นตัวในกลุ่มอาหารสัตว์ทั้งกุ้งและสัตว์เสี้ยง ส่วนเทียบกับ 2Q25 รายได้ฟื้นตัวทุกกลุ่ม สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q25 เบื้องต้นคาดรายได้ทรงตัวจาก 3Q25









