PCE โชว์รายได้ 9 เดือนแตะ 23,838 ลบ. เติบโต 8.9% ลุยส่งออก–แตกไลน์ผลิตภัณฑ์กะลาปาล์มคุณภาพสูงและน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ดันรายได้รวมปีนี้โตเข้าเป้าแตะ 3 หมื่น ลบ.                                                                                                    

บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) โชว์ผลงานงวด 9 เดือนปี 68 กวาดรายได้กว่า 23,838 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 257.9 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ขยายตลาดทั้งใน–ต่างประเทศ พร้อมแตกไลน์ “กะลาปาล์มคุณภาพสูง (PKS) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RDBPKO)” หนุนรายได้เพิ่มต่อเนื่อง ดันเป้ารายได้รวมปีนี้แตะ 30,000 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3 ฟื้นชัดจากต้นทุนลด–สัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น ฟากผู้บริหาร “พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล” ระบุไตรมาส 4/68 ผลงานโตต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มฟื้นตามอุปทานโลกที่ตึงตัว และดีมานด์เอเชียแข็งแกร่ง

นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) เปิดเผยว่า  ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีการเติบโตของยอดขายที่โดดเด่น โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมทั้งสิ้น 23,609.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มีกำไรสุทธิ 257.9 ล้านบาท แม้จะเผชิญกับภาวะผันผวนของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั้งในด้านปริมาณผลผลิต และด้านราคา ซึ่งยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่มีแนวโน้มลดต่ำลงในระยะสั้นส่งผลให้ผู้ซื้อหันไปใช้น้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มมากขึ้น

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของยอดขายมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการรุกตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กะลาปาล์มคุณภาพสูง (PKS) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ในไตรมาส 3 ของปี 2567 ซึ่งในปี 2568 นี้จะรับรู้รายได้เต็มปี และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าแนวโน้มรายได้รวมในปีนี้จะแตะที่ระดับ 30,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 สะท้อนทิศทางการฟื้นตัวที่ชัดเจนของอัตรากำไรขั้นต้น โดยบริษัทฯมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 4.0% เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งจากไตรมาสที่ 2 ปี 2568 และช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 1.8% และ 3.0% ตามลำดับ

“การปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นเกิดจากต้นทุนวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ราคาขายปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะตลาด อีกทั้งสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง (Product Mix) มีการเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ดี”

โดยในไตรมาส 3/2568 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมทั้งสิ้น 6,999.5 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 95.5 ล้านบาท 

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ช่วงไตรมาส 4/2568 ถึงไตรมาส 1/2569 ภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มจะเริ่มเข้าสู่ช่วง ชะลอตัวของผลผลิตตามฤดูกาล โดยเฉพาะในมาเลเซียและไทย ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินที่เกิดขึ้นในช่วงกลางปี ขณะเดียวกันระดับสต็อกน้ำมันปาล์มของประเทศผู้ผลิตหลักมีแนวโน้มลดลง ส่งผลบวกต่อเสถียรภาพของราคาในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ราคายังคงมีความผันผวนจาก การแข่งขันกับน้ำมันพืชชนิดอื่น โดยเฉพาะน้ำมันถั่วเหลืองที่ยังคงล้นตลาด และสถานการณ์สงครามรัสเซีย–ยูเครนที่อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ ซึ่งส่งผลต่อความต้องการผสมไบโอดีเซล

นอกจากนี้ บริษัท นิทไทย สเปเชียลตี้ ออย แอนด์ แฟตส์ จำกัด หรือ NISF ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Intercontinental Specialty Fats Sdn. Bhd. บริษัทในเครือ The Nisshin OilliO Group, Ltd.  ปัจจุบัน มีการดำเนินงานแล้ว พร้อมลุยตลาดน้ำมันพืชคุณภาพสูงและไขมันชนิดพิเศษทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2569 ตั้งเป้ารายได้ไว้ทีประมาณ 1,000-1,500 ลบ. ต่อปี นับว่าเป็นก้าวสำคัญของ PCE ในการเข้าถึงนวัตกรรมการผลิตระดับโลก มาตรฐานสากล และเครือข่ายลูกค้าในตลาดพรีเมียม สนับสนุนการเติบโตของ PCE  อย่างยั่งยืน

- Advertisement -