KS Daily View 25.11.2025 >>> หุ้นไทยกลุ่ม Tech/ อิเล็กทรอนิกส์มองบวก หลังปธ. เฟดนิวยอร์กเผยมุมมองปรับลดดอกเบี้ย ธ.ค. กรอบ SET วันนี้ 1,250 – 1,270 จุด แนะนำ DELTA และ AMATA
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.55%, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 2.69%, และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.44% จากนักลงทุนปรับเพิ่มความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมเพิ่มสูงขึ้น
ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,252.73 จุดลดลง -1.67 จุด (-0.13%) จากการปรับตัวลงของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มธนาคาร, และกลุ่มอาหาร ในวันนี้ เราคาด SET Index จะแกว่งตัว sideway up ในกรอบ 1,250 – 1,270 จุด จากภาพเชิงบวกของต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น หลังประธานเฟดนิวยอร์กเปิดเผยมุมมองการผ่อนคลายดอกเบี้ยนโยบายในครั้งถัดไป ส่ง sentiment เชิงบวกกับหุ้นกลุ่ม tech และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ในขณะเดียวกันวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขส่งออกของไทยจากกระทรวงพาณิชย์ เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 6.5% YoY ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า 19.0% YoY โดยคาดว่าปัจจัยขับเคลื่อนของการเติบโตยังเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยความต้องการที่แข็งแกร่งใน Data center และการใช้ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนยังคงมุ่งเน้นหุ้นมีผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องไปใน 4Q25 อย่าง DELTA หลังจากหลุดมาตรการกำกับการซื้อขาย Cash balance ของตลาด และ AMATA หลังครม.เห็นชอบโครงการ Thailand Fast Pass เพื่อเร่งรัดการลงทุนปี 2025–2027 ที่อาจช่วยกระตุ้นการซื้อและโอนที่ดิน
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ครม.เห็นชอบโครงการ Thailand Fast Pass เพื่อเร่งรัดการลงทุนปี 2025–2027 นำร่อง 80 โครงการ มูลค่า 4.8 แสนล้านบาท เน้นปลดล็อกปัญหาการอนุญาตล่าช้าและสนับสนุนอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ นิคมอุตสาหกรรม พลังงานสะอาด และอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งเป้าให้การอนุมัติเร็วขึ้น 20–50% ภายใน ธ.ค. 2025 พร้อมเร่งแก้ปัญหาระบบไฟฟ้า การออกกฎไฟฟ้าสีเขียวUGT2 และเปิดทาง Direct PPA รวมถึงวางแผนขยายโครงข่ายไฟฟ้ารองรับการลงทุน มองเป็นบวกกับ AMATA และ WHA
- ในขณะเดียวกันกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยว่า ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2025 มีต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยภายใต้ พ.ร.บ.ธุรกิจคนต่างด้าว รวม 869 ราย แบ่งเป็นการขอ “ใบอนุญาต” 228 ราย และการขอ “หนังสือรับรอง” ผ่านช่อง BOI/กนอ. 641 ราย รวมเงินลงทุน 276,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทั้งจำนวนราย +11% YoY และมูลค่าการลงทุน +72%YoY สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มองเป็นบวกกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
- กระทรวงพลังงานเผยความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาด 2,100 MW หลังคณะทำงานร่วมกฤษฎีกา–กรมบัญชีกลางตรวจสอบแล้ว โดยต้นทุนเอกชนสูงกว่า กฟผ. เนื่องจากต้องซื้อ/เช่าที่ดิน เดินสายส่ง และมีภาระดอกเบี้ยสูงกว่า หาก กฟผ. ดำเนินโครงการแบบเดียวกับเอกชน ต้นทุนไฟฟ้าจะอยู่ที่ 2.19 บาท/หน่วย (โซลาร์ฟาร์ม) และ 4.37 บาท/หน่วย (พลังงานลม) ขณะเดียวกัน กพช. มอบหมายให้ กกพ. และ กฟผ. ขอความร่วมมือเอกชนลดราคาขายไฟฟ้าเพิ่มเติม มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับ BGRIM และ GPSC
- OR ได้ทยอยปิดสาขา คาเฟ่ อเมซอน ในเวียดนาม ต่อเนื่อง เพื่อหยุดภาระขาดทุนจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดกาแฟเวียดนาม ซึ่งมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟเฉพาะตัวและแข็งแกร่งมาก เดิมปี 2023 อเมซอนมี 22 สาขา แต่ปัจจุบันเหลือ ไม่ถึง 10 สาขา สะท้อนถึงความท้าทายในการขยายธุรกิจร้านกาแฟในเวียดนาม มองว่าผลกระทบจำกัดต่อ OR
- SAMART เปิดเผยว่า บริษัทย่อย เทด้า ที่ถือหุ้นทางอ้อม 94.35% ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแบบ Indoor GIS 115/22 kV และสายส่ง 115 kV (ภายใน) ให้บริษัท ดิจิทัล เอดจ์ บี.กริม (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ PEA ที่จังหวัดชลบุรี มูลค่าสัญญา 699.57 ล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จ 14 กันยายน 2026 และบริษัทจะรับรู้รายได้ตามความก้าวหน้าของงาน
Daily pick
DELTA: ราคาพื้นฐาน 245.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ DELTA หลัง CAPEX ของกลุ่มไฮเปอร์สเกลสำหรับปี 2025 ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 60–70% YoY จากการเปลี่ยนผ่านจาก AI training ไปสู่ AI inference และความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2026 คาดว่าจะเติบโต 24% YoY สะท้อนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเทคโนโลยี generative AI และโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล หนุนการเติบโตของรายได้ของบริษัท โดย DELTA ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใน 4Q25 ที่ 28% ได้แรงหนุนจากสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ AI และศูนย์ข้อมูลที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น และ คาดว่ารายได้ในปี 2026 จะเพิ่มขึ้น 15–20%
AMATA: ราคาพื้นฐาน 23.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AMATA ป็นหุ้นธีมปันผลที่โดดเด่นด้วยมูลค่าถูกราว 0.7x PBV ปี 2026 และ Dividend yield ประมาณ 6–7% บริษัทมี Backlog สูงราว 25,000 ล้านบาท ทำให้การโอนที่ดินจะเร่งขึ้นตั้งแต่ 4Q25 ต่อเนื่องถึงปี 2026 โดยเฉพาะแปลงที่ชลบุรีซึ่งให้ Margin สูง พร้อมทั้งมี upside จากการปรับราคาที่ดินในนิคมต่าง ๆ ปัจจัยโครงสร้างหนุนมาจากสองปัจจัยหลักคือ China-plus-one และการลงทุน Data Center ที่เร่งตัวตามคำขอ BOI ซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 90% YoY ใน 9M25 โดยอุตสาหกรรม Digital โตมากกว่า 5 เท่า ส่งผลให้ความต้องการที่ดินในนิคมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้บริหารจึงมั่นใจในเป้าขายที่ดินปี 2026 ที่ 2,000–3,000 ไร่ด้านผลประกอบการ 4Q25 คาดว่าจะโดดเด่น โดยตั้งเป้าโอนที่ดินราว 1,000 ไร่ ทำให้ทั้งปี 2025 แตะระดับ 2,000 ไร่ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันอังคาร ติดตามตัวเลขส่งออก (TH Exports) จากกระทรวงพาณิชย์ เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 6.5%YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 19.0% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH Imports) ตลาดคาดการณ์ที่ 8.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 17.2% YoY ต่อด้วยดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และ การรายงานดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail sales) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.6% MoM
วันพุธ ติดตามยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน ก.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% MoMและ จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดการณ์ที่ 2.26 แสนตำแหน่งเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.20 แสนตำแหน่ง
วันพฤหัสบดี ติดตามดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคของยุโรป (EU CCI) เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่-14.0 จุด
วันศุกร์ ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (TH Industrial Production) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.60% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +1.02% YoY








