รอติดตามตัวเลขต่างๆ ในสัปดาห์นี้
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 289 จุด (+0.6%) แต่อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางเพราะตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวัน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.26% ปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสำคัญ
Market Outlook
วันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ไม่มีการประกาศตัวเลขที่สำคัญเพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดทำการเพียงครึ่งวันจากเทศกาล Thanks Giving แต่อย่างไรก็ตามหากดูการเคลื่อนไหวของ Bond Yield จะพบว่ายังคงปรับลงต่อเนื่องแม้ระยะสั้นจะเห็นการปรับขึ้น (Technology ยังคงปรับขึ้นเด่น Amazon +1.8% Msft +1.3%) ระยะสั้นดีกับหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA โดยตลาดหุ้นภาพรวมยังได้ปัจจัยหนุนจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ข้อมูลจาก CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักราว 86% ที่ FED จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค.
สำหรับปัจจัยในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ต.ค. พบว่าดีขึ้นจากเดือนก่อนจากเครื่องชี้อุปสงค์และอุปทานที่ดีขึ้น ฝั่งอุปสงค์ดีขึ้นจากการส่งออกจากสินค้า Technology รายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวและการบริโภคปรับเพิ่มขึ้น มองเป็นสัญญาณเชิงบวกกับหุ้นในกลุ่มส่งออก (DELTA) บริโภค (CPALL COM7 HMPRO) โรงแรม (CENTEL MINT) โดยที่รายงานขาดดุลการค้าราว 1.8 พ้นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาท แต่อย่างไรก็ตามด้วย Dollar Index ที่อ่อนค่าจึงทำให้เงินบาทยังคงแข็งค่า แต่ถึงอย่างนั้นแล้วกระแสเงินทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นยังค่อนข้างผันผวนเป็นการสลับซื้อและสลับขาย อาจเป็นเพราะพื้นฐานไทยที่ไม่แข็งแกร่งทั้งในเชิงเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน คืนนี้รอติดตามดันนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตจากสถาบัน ISM Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 49
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1265 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกเป็นรายตัวในหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อาที ธนาคารพาณิชย์ (SCB) ค้าปลีก (CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยปรับลง (AP MTC TIDLOR)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 24.00 บาท)
ผลการดำเนินงานใน 3Q25 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิสูงกว่าคาดที่ 1.4 พันล้านบาท (+42% YoY, +9% QoQ) และ NPL ratio ลดลงที่ 1.7% ผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดใน 3Q25 ทำให้มองว่ากำไรสุทธิในปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าคาดที่ 19% เป็นการเติบโตที่คาดว่าโดดเด่นที่สุดหนึ่งในกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q25 จะขยายตัวต่อเนื่อง YoY
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 6.6 พันล้านบาท (+18%YoY) และมีกำไรปกติ 6.5 พันล้านบาท (+4%YoY, -8%Q0Q) ใกล้เคียงกับที่เราและ BB consensus คาด กำไรโต YoY หนุนจากการขยายสาขาและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 10 bps YoY แม้ว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ 7-11 จะลดลง 0.5% YoY








