MASTEC มอง Q4 ฟื้นตัวชัด หนุนโมเมนตัมธุรกิจปี 2569 เดินหน้าแข็งแกร่งต่อเนื่อง ชี้ดาต้าเซ็นเตอร์โรงงานประหยัดพลังงานนโยบายโซลาร์ภาคประชาชน สร้างยอดขาย มาร์จิ้น

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC คาดทิศทางการดำเนินงานช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 สัญญาณฟื้นตัวชัดเจนจากการทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้จาก Backlog จากข้อมูลล่าสุดของทีมขายและการตลาด Backlog เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่า สิ้นปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการเริ่มต้นปี 2569 อย่างแข็งแกร่ง ประเมินปัจจัยสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และการปรับตัวของผู้ประกอบการโรงงานที่เน้นนวัตกรรมประหยัดพลังงาน รวมทั้งนโยบายโซลาร์ภาคประชาชน ช่วยผลักดันยอดขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น วาล์วระบบปรับอากาศ อุปกรณ์ Fire Safety และโซลูชันประหยัดพลังงานที่ขยับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นายดุษฎี มีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTEC กล่าวว่า โครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรง โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา แม้บางโครงการจะขอเลื่อนรับสินค้า เนื่องจากพื้นที่หน้างานยังไม่พร้อมติดตั้ง บริษัทฯยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 28.61% และบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้หลายโครงการที่ชะลอไว้เริ่มกลับมาเดินหน้า ขณะเดียวกันยอดขายจากกลุ่ม HVAC, Fire Safety และ Energy Efficiency มีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการขยับตัวของดีมานด์ในกลุ่มอาคาร โรงงาน และดาต้าเซ็นเตอร์ ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการของไตรมาส 4 ปีนี้มีความชัดเจนในเชิงบวกจากการรับรู้รายได้มูลค่างานคงค้างในมือ (Backlog) แถมยังมีงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ของทีมขายและการตลาด ณ สิ้นปี 2568 จะมี Backlog แตะประมาณ 400 ล้านบาท ในตัวเลขดังกล่าวจะมีส่วนของงานกลุ่ม Energy Efficiency ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มมาร์จิ้นสูง และเติบโตตามแผนงานเชิงกลยุทธ์

สำหรับแรงขับเคลื่อนสำคัญของ MASTEC ประกอบด้วย 3 ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตต่อเนื่องในปี 2569 คือ

1) การเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center ประเทศไทยได้รับความสนใจจากผู้ให้บริการ Cloud และ AI Infrastructure ระดับโลก ทำให้มีโครงการ Data Center เข้ามาลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีความต้องการระบบ Critical Infrastructure เช่น ระบบควบคุมการไหลเวียนอากาศ, ระบบดับเพลิง, ระบบไฟฟ้าสำรอง และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูง ซึ่งเป็นสินค้าที่ MASTEC มีความเชี่ยวชาญและเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นดี

2) ความต้องการด้าน Energy Efficiency ปัจจุบันผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนพลังงาน โดยเฉพาะระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ และระบบประหยัดพลังงานแบบ Non-Chemical Water Treatment ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งเป็นหนึ่งในโซลูชันที่ MASTEC มีฐานลูกค้าและมีโอกาสขยายตัวสูงในปีหน้าและเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง

3) นโยบายโซลาร์ภาคประชาชนและพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาล แผนพัฒนาพลังงานของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับโซลาร์รูฟท็อป พลังงานสะอาดหมุนเวียน และระบบจัดการพลังงานในบ้านเรือนนอกเหนือจากกลุ่มอาคารและโรงงาน ทำให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้นำไปใช้เองก่อนจึงช่วยลดค่าไฟรายเดือน ไฟฟ้าส่วนเกินสามารถขายคืนให้ภาครัฐได้จึงมีรายได้เสริม ส่งผลให้อุปกรณ์วิศวกรรมประกอบระบบโซลาร์ รวมถึงงานติดตั้งและระบบควบคุมพลังงานมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลเชิงบวกต่อ MASTEC ในการขยายงาน เพิ่มรายได้และผลกำไรในเซ็กเมนต์นี้ และเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าของ MASTEC ที่มีมาร์จิ้นสูง

“MASTEC พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูง และมุ่งสู่การเป็นผู้นำโซลูชันเทคโนโลยีวิศวกรรมครบวงจร พร้อมสร้างความมั่นใจต่อลูกค้าและต่อผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลล่าสุดของทีมขายและการตลาด เราคาดว่า Backlog ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง ณ สิ้นปี 2568 จะอยู่ราว 400 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นฐานสำคัญในการเริ่มต้นปี 2569 อย่างแข็งแกร่งทั้งในมิติของยอดรายได้และผลกำไร เนื่องจากในตัวเลขที่กล่าวมีส่วนของ Backlog งานกลุ่ม Energy Efficiency ที่มีมาร์จิ้นสูง ยังคงเติบโตตามแผนงานเชิงกลยุทธ์” นายดุษฎีกล่าว

- Advertisement -