บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
Kiatnakin Bank (KKP TB) หุ้นเด่นในกลุ่มแบงก์ไซส์กลาง-เล็ก
เพิ่มคาดการณ์ EPS และ TP สะท้อนต้นทุนเครดิตที่ลดลง
เราเชื่อว่า KKP เป็นผู้รับอานิสงส์หลักจากตลาดทุนที่เติบโตแข็งแกร่ง พร้อมการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น และ NPL coverage สูงขึ้น เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 65-66 ขึ้น 4-5% เพื่อสะท้อนต้นทุนเครดิตที่ลดลง คงคำแนะนำซื้อ เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 80 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 1.24 เท่า ROE 12.3%) ราคาหุ้นน่าสนใจเนื่องจากซื้อขายที่ PER ปี 65 ที่ 8.6 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มแบงก์ที่ 9.4 เท่าความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ คุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ และยอดขายรถยนต์ที่ยึดมาขาดทุนเกินคาด
กำไร 4Q64 และปี 64 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
กำไร 4Q64 เพิ่มขึ้น 83% YoY และ 37% QoQ และ 2 พันล้านบาทดีกว่าที่เราคาด 34% จากการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่งกำไรปี 2564 เพิ่มขึ้น 23% YoY สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.3 พันล้านบาท โดยสินเชื่อปี 64 เติบโต 16% YoY ได้แรงหนุนจากสินเชื่อเช่าซื้อสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อองค์กรที่โตแรง รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 40% YoY ในปี 64 จากค่าธรรมเนียมจากตลาดทุนที่เพิ่มขึ้นแกร่ง ได้แก่ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และการบริหารความมั่งคั่งผลขาดทุนจากการขายรถยนต์ที่ยึดมาเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 พันล้านบาทในปี 64 เทียบกับ 1.3 พันล้านบาทในปี 63 หากไม่รวมรายการเหล่านี้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 39% ในปี 64 จาก 41% ในปี 63 อัตราส่วน NPL ลดลง 41bp QoQ เป็น 3.04% ในไตรมาส 4/64 ขณะที่ NPL coverage เพิ่มขึ้นเป็น 175% ในไตรมาส 4/64 จาก 158% ในไตรมาส 3/64
KKP ตั้งเป้าสินเชื่อโตแกร่ง และลดต้นทุนสินเชื่อในปี 2565
เรามีมุมมองบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ โดย KKP เผยเป้าหมายทางการเงินปี 65 ที่การเติบโตของสินเชื่อ 12% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อลดลงแตะ 5.1% (เทียบกับ 5.3% ในปี 64) เนื่องจากธนาคารมีแผนที่จะขยายสินเชื่อคุณภาพดีในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อองค์กร อัตราส่วน NPL น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.3% ในปี 65 จาก 3.0% ในปี 64 แต่ต้นทุนสินเชื่อน่าจะลดลงเหลือน้อยกว่า 220bps ในปี 65 จาก 265bps ในปี 64 ทั้งนี้ CEO เชื่อว่าเงินสำรองหนี้เสียปัจจุบันเพียงพอแล้ว หลังจากที่ธนาคารจัดสรรสำรองไว้เพิ่ม สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตตที่คาดจะเกิดขึ้นจำนวน 4.3 พันล้านบาทในปี 63-64 ในแง่บวกธนาคารสามารถเรียกเก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4/64
คาดรายรับค่าธรรมเนียมปี 65 จะลดลง YoY จากฐานสูง
CEO ไม่ได้เผยถึงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากวาณิชธนกิจ (IB) และนายหน้าซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด เราคาดว่ารายรับค่าธรรมเนียมสุทธิจะลดลง 9% YoY เนื่องจากผลกระทบจากฐานที่สูงของรายได้ค่าธรรมเนียม IB และค่าธรรมเนียมนายหน้าในแง่บวก เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง เนื่องจากฐานสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 23% YoY เป็น 7.34 แสนล้านบาท โดยมีอัตราผลตอบแทนค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ย 29bps ในปี 64 เทียบกับ 23bps ในปี 63