KS Daily View 22.12.2025 >>> จับตาหารือหยุดยิงไทย-กัมพูชา ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่มาเลเซีย กรอบ SET วันนี้ 1,240–1,260 จุด แนะนำ PTTEP และ KKP
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: เราประเมิน SET Index สัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 1,240 – 1,280 จุด โดยยังไม่เห็นปัจจัยบวกหรือลบใหม่ชัดที่อาจเข้ามาเป็นประเด็นหลักในตลาด โดยสัปดาห์หน้าในฝั่งของปัจจัยต่างประเทศจะมีเพียงในช่วงวันอังคารที่จะมีการรายงานตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ สำหรับไตรมาส 3/25 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งที่สองจากการทบทวนตัวเลขอีกครั้ง รวมถึงรายงานตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งอาจไม่ได้มีนัยกับตลาดมากนัก ขณะที่ในช่วงตั้งแต่กลางถึงปลายสัปดาห์ตลาดต่างประเทศบางแห่งปิดทำการเนื่องจากเป็นวันคริสต์มาส สำหรับประเด็นในประเทศจะมีการรายงานตัวเลขส่งออกไทยในวันพฤหัสฯ โดยเป็นข้อมูลสำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดยังขยายตัวได้ดี 9.0% YoY เร่งตัวจาก 5.7% YoY ในเดือนก่อนหน้า ด้านประเด็นการเมืองรอติดตามช่วงสุดสัปดาห์ กกต. เปิดรับสมัคร สส. แบบแบ่งเขตในวันที่ 27-31 ธ.ค. และบัญชีรายชื่อ รวมถึง แคนดิเดตนายกฯ ในวันที่ 28-31 ธ.ค. ทั้งนี้เรามองเปิดรับสมัคร สส. และแคนดิเดตนายกฯ อาจไม่ได้มีผลต่อตลาดมากนักเนื่องจากพรรคการเมืองหลักส่วนใหญ่มีการเปิดตัวผู้สมัครสำคัญไปแล้วก่อนหน้า
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1252.19 จุด ปรับตัวลดลง -0.15% จากสัปดาห์ที่ผ่านหลังกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มมีเดีย, และกลุ่มการเงินปรับตัวลง ในวันนี้เราประเมินว่าตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway อยู่ในกรอบ 1,240–1,260 จุด โดยยังไม่เห็นปัจจัยบวกหรือลบใหม่ชัดที่อาจเข้ามา ในขณะเดียวกันตลาดจับตาดูการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในอาเซียนที่มาเลเซีย หารือการหยุดยิงไทย กัมพูชา แนะนำ PTTEP และ KKP
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1. สหรัฐฯ ยืนยันการเข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันใกล้ชายฝั่งเวเนซุเอลาอีกหนึ่งลำในช่วงเช้ามืดวันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองในเดือนเดียวกัน หลังจากก่อนหน้านี้มีการยึดเรือเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตรทั้งขาเข้าและขาออกจากเวเนซุเอลา และยืนยันว่าจะมีการยึดเรือเพิ่มเติมต่อไป
2. ในขณะเดียวกันยูเครนยอมรับอย่างเป็นทางการว่าได้ใช้โดรนโจมตีแท่นขุดเจาะน้ำมันของลูโคอิลและเรือตรวจการณ์ทหารรัสเซียในทะเลแคสเปียน ซึ่งยูเครนมองว่าเป็นแหล่งรายได้หลักในการทำสงครามที่ขยายวงจากโรงกลั่นบนแผ่นดินสู่การโจมตีทางทะเลและกองเรือเงาในช่วงหลัง มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ supply ที่เข้ามาในตลาดลดลง เป็นบวกกับ PTTEP และกลุ่ม refineries จากแนวโน้มของ inventory loss ที่ลดลง
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุว่า การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (PSC) ของท่าอากาศยานไทย จาก 730 บาทเป็น 1,120 บาท ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการบินพลเรือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถลงนามประกาศได้ เนื่องจากรัฐบาลอยู่ในสถานะรักษาการหลังการยุบสภา และอาจต้องรอรัฐบาลใหม่หรือขอความเห็นจาก กกต. มองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบเล็กน้อยกับ AOT
4. ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน พ.ย. อาจถูกบิดเบือนให้ต่ำกว่าความเป็นจริงจากปัจจัยทางเทคนิค หลังไม่สามารถจัดเก็บและรายงานข้อมูล CPI เดือนตุลาคมได้จากการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐ โดยประเมินว่าปัจจัยดังกล่าวอาจกดตัวเลข CPI ลงราว 0.1% พร้อมเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการตีความว่าเงินเฟ้อกำลังเข้าสู่ขาลงอย่างยั่งยืนหรือไม่ ทั้งนี้ CPI เดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด 3.1% ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากช่วงโปรโมชั่นลดราคาและความซับซ้อนในการเก็บข้อมูลบางหมวด เช่น ค่าเช่า
5. รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐแสดงความหวังว่า ไทยและกัมพูชาจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ได้ภายในช่วงต้นสัปดาห์ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในอาเซียนวันที่ 22 ธ.ค. ที่มาเลเซียเพื่อหารือสถานการณ์ดังกล่าว หากเจรจาหยุดยิงเป็นผลสำเร็จมองเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกกับ SAV ในขณะเดียวกันความกังวลมาตรการภาษีส่งออกไปสหรัฐที่ถูกนำมาต่อรองให้หยุดยิง อาจคลายตัวลงช่วยลดแรงกดดันในกลุ่มส่งออกอย่าง STGT DELTA HANA SVI AAI ASIAN ITC TU
Daily pick
PTTEP: ราคาพื้นฐาน 127.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PTTEP จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์และ PTTEP จะเริ่มเสนอโครงการลงทุนให้คณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ final investment decision สำหรับโครงการเช่น Algeria HBR, Myanmar M3 และโครงการในมาเลเซีย รวมถึงจะมีการเจรจาต่อสัญญาสัมปทานใหม่ของ Yadana ในพม่าเช่นกัน ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตของ PTTEP ได้เป็น 1mnbbl/day จาก ประมาณ 700KBD ในปัจจุบันและจะเพิ่ม P1 reserve เป็น 7 ปี ท้ายที่สุดเราคาดว่า PTTEP จะยังสามารถจ่ายปันผลได้ที่ระดับ 56-60% payout ratio หรือคิดเป็น dividend yield ราว 7.5% ได้ในปี 2026
KKP: ราคาพื้นฐาน 74.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KKP จากแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นจากการทยอยหมดไปของสินเชื่อที่มีปัญหาในช่วงปี 2021-22 ที่ผ่านมาและผลการขาดทุนรถยึดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากทั้งราคารถมือสองที่ค่อนข้าง stable รวมไปถึงการที่ยอดรถยึดคงค้างปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2000 คัน ต่ำสุดในรอบ 3 ปี และการปรับตัวดีขึ้นของสินเชื่อทั้ง stage 2-3 ขณะที่สินเชื่อในมาตรการคุณสู้เราช่วยมีอยู่ที่ระดับ 3-4% ของสินเชื่อทั้งหมดยังมีคุณภาพที่ดี และ KKP ยังได้รับประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเช่นกัน เนื่องจากมีสัดส่วนของสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อที่มีลักษณะ fixed rate เราเชื่อว่า KKP ยังมีโอกาสและความสามารถในการทำ capital management อย่างต่อเนื่องในปี 2026
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตาม Loan prime rate ของธนาคารกลางจีนระยะเวลา 1 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.0% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า และ Loan prime rate อายุ 5 ปีคาดการณ์ไว้ที่ 3.5% ทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยการประชุมครั้งที่ 19 ของคณะกรรมการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีนระหว่างวันที่ 22-27 ธันวาคม 2025 ณ กรุงปักกิ่ง ปิดท้ายด้วยยอดขายรถยนต์เดือน พ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 47,032 คัน
วันอังคาร ติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน ต.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -1.5% MoM ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.5% MoM ต่อด้วยการรายงานครั้งที่สองของ GDP 3Q25 สหรัฐอเมริกา ตลาดคาดที่ 3.2% เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 3.8%
วันพุธ ติดตามบันทึกการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ Monetary Policy Meeting Minutes) และการรายงานตัวเลขส่งออก (TH Exports) จากกระทรวงพาณิชย์ เดือน พ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 9.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.7% YoY และตัวเลขนำเข้า (TH Imports) ตลาดคาดการณ์ที่ 14.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 16.3% YoY
วันพฤหัสบดี ติดตาม สุนทรพจน์ของนายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่นในการประชุมสมาชิกสภาเคดันเรน ณ กรุงโตเกียว
วันศุกร์ ติดตามการรายงานเงินเฟ้อของกรุงโตเกียว (Tokyo CPI) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.7% YoY และเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานตลาดคาดการณ์ที่ 2.8% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
